ก่อนจัดฟัน หลังจัดฟัน แตกต่างกันไหม เตรียมตัวอย่างไรดี

ก่อนจัดฟัน หลังจัดฟัน

หลายคนที่มีปัญหาช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นปวดฟัน ฟันผุ ฟันเก ฟันคุด และอื่น ๆ อีกมากที่เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวัน และมีแพลนว่าอยากจัดฟันแต่ก็อยากรู้ ก่อนจัดฟัน หลังจัดฟัน แตกต่างกันไหม ดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง วันนี้หมอณัฐมีคำตอบค่ะ

การจัดฟันจำเป็นสำหรับทุกคนมั้ย

ไม่จำเป็นค่ะ หากคนไข้ไม่ได้มีปัญหาฟันมากมาย มีเพียงปัญหาหินปูนเพียงอย่างเดียวก็เข้ารับการขูดหินปูนปีละ 1 – 2 ครั้งก็พอค่ะ หรือหากคนไข้ฟันคุดเบียดกระพุ้งแก้มจนเศษอาหารเข้าไปติดง่ายและยากต่อการทำความสะอาด ทันตแพทย์ก็จะถอนฟันคุดให้เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด แต่หากคนไข้มีปัญหาฟันอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาว เช่น ฟันซ้อนเกจนมีเศษอาหารติดฟันง่าย ฟันผุจนปวดบ่อย ๆ ตอนกลางคืน หรือมีฟันห่างมากเกินไป ทันตแพทย์ก็จะแนะนำให้จัดฟันเพื่อรักษาปัญหาเหล่านี้ค่ะ

แต่หากคนไข้อยากจัดฟันแฟชั่นทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีปัญหาใด ๆ เกี่ยวกับฟัน เคสแบบนี้ทันตแพทย์ก็จะไม่แนะนำให้จัดฟันนะคะ เพราะการจัดฟันจะต้องถอนฟันบางซี่ออกเพื่อให้ติดเครื่องมือง่ายและป้องกันฟันเคลื่อนตัวผิดตำแหน่งจากที่ทันตแพทย์วางแผนไว้ เท่ากับว่าคนไข้จะต้องถอนฟันที่ไม่ได้มีปัญหาออกจากช่องปาก อีกทั้งการจัดฟันจะต้องใช้ความอดทนอยู่พอสมควร โดยทั่วไปแล้วการจัดฟันจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน (เฉพาะการจัดฟันใสเท่านั้น) ไปจนถึง 2 ปี (จัดฟันโลหะ/จัดฟันเหล็ก) นั่นหมายความว่าคนไข่จะต้องมีเครื่องมือติดอยู่ในช่องปากตลอดเวลาและหากทำความสะอาดช่องปากไม่ดี ก็อาจทำให้เศษอาหารติดอยู่ตามซอกฟันได้ง่ายขึ้น นอกจากจะเป็นแหล่งรวมกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้ว ยังอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดก

ก่อนจัดฟัน หลังจัดฟัน แตกต่างกันไหม

แตกต่างกันอย่างแน่นอนค่ะ ทั้งในเรื่องของความรู้สึกและวิธีการดูแลช่องปากหลังจัดจัดฟันที่ยุ่งยากกว่าก่อนจัดฟันที่ไม่ต้องมีเครื่องมือติดอยู่ในช่องปาก ก่อนจัดฟันเราสามารถเลือกรับประทานอาหารอะไรก็ได้แล้วค่อยแปรงฟันและบ้วนน้ำยาบ้วนปากตบท้าย แต่หากคนไข้จัดฟันเมื่อไหร่ คนไข้อาจจะต้องทำความสะอาดช่องปากทุกครั้งหลังมื้ออาหารอย่างน้อย 30 นาที ทั้งแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟัน แล้วตบด้วยน้ำยาบ้วนปาก เพื่อไม่ให้มีเศษอาหารและแบคทีเรียเจริญเติบโตอยู่ในช่องปากมากเกินไปจนกลายเป็นปัญหาช่องปาก

ในส่วนของความรู้สึกนั้น พอมีเครื่องมือจัดฟันแล้วจะทำให้คนไข้ไม่คุ้นชินกับเครื่องมือ อาจสร้างความยุ่งยากในการใช้ชีวิตพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการออกเสียงไม่ชัดเจนในบางคำ รับประทานอาหารลำบาก เลือกทานได้แค่อาหารอ่อน ๆ ในช่วงแรก ต้องตัดอาหารเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนทานทุกครั้ง รวมถึงความรู้สึกปวดฟันหลังติดเครื่องมือซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่คนจัดฟันทุกคนต้องเจอ แม้ว่าอาการปวดจะค่อย ๆ ทุเลา แต่ถึงอย่างไรก็ตามหากคุณยังไม่ได้เตรียมใจมาก่อนจัดฟันก็อาจต้องใช้เวลาในการเตรียมความพร้อมในการจัดฟันอยู่พอสมควรเลยค่ะ

กลัวหมอฟันทำยังไงดี หมอณัฐมีคำแนะนำมาฝากค่ะ

เตรียมตัวอย่างไรก่อนไปจัดฟัน

  • ปรึกษากับคุณหมอก่อน ขั้นตอนแรกคนไข้จะต้องนัดพบคุณหมอเพื่อเอ็กซเรย์ช่องปาก ซึ่งจะช่วยให้คุณหมอทราบความผิดปกติภายในช่องปากคนไข้
  • ดูแลสุขภาพช่องปากให้ดี เมื่อเรารู้ปัญหาแล้วว่าช่องปากเรามีความผิดปกติส่วนไหนบ้าง ระหว่างรอนัดพบคุณหมอเพื่อเคลียร์ช่องปาก หมอณัฐขอแนะนำให้คนไข้เตรียมช่องปากให้พร้อมด้วยการทำความสะอาดฟันอย่างถูกวิธี ได้แก่ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือแปรงทุกครั้งหลังมื้ออาหารอย่างน้อย 30 นาที, ใช้ไหมขัดฟันขัดตามซอกฟัน, ใช้น้ำยาบ้วนปากหลังแปรงฟันเพื่อลดกลิ่นปาก เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพฟัน เช่น อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม, ฟอสฟอรัส, คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน รวมไปถึงลดหรืองดอาหารที่มีน้ำตาลซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างกรดจากแบคทีเรียในช่องปาก จนเกิดคราบหินปูนสะสมตามผิวฟันด้วยนะคะ
  • เคลียร์ช่องปากให้เรียบร้อย หากคนไข้มีปัญหาสุขภาพช่องปาก เช่น ฟันผุ ฟันคุด คราบหินปูน หรืออะไรก็ตามที่อาจมีผลต่อการจัดฟัน คุณหมอจะแนะนำให้คนไข้เคลียร์ช่องปากให้เรียบร้อย เนื่องจากการจัดฟันส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 1-3 ปี (ขึ้นอยู่กับปัญหาและเครื่องมือที่ใช้ในการจัดฟัน) หากปล่อยปัญหาฟันทิ้งไว้ อาจส่งผลต่อการจัดฟันที่ล่าช้าและเกิดปัญหาแทรกซ้อนระหว่างจัดฟันอีกด้วย เช่น ปวดฟันคุด, เหงือกอักเสบ ฯลฯ
  • วางแผนจัดฟัน หลังจากเคลียร์ช่องปากให้เรียบร้อยแล้ว คุณหมอจะวิเคราะห์และวางแผนการจัดฟันให้เหมาะสมกับสุขภาพช่องปากของคนไข้มากที่สุด เพื่อให้คนไข้เข้าใจสุขภาพช่องปากของตัวเองในปัจจุบันและเตรียมตัวจัดฟันได้อย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดฟัน, ฟันที่จำเป็นต้องถอนหรืออาจไม่ต้องถอน ฯลฯ

ขั้นตอนการจัดฟันมีอะไรบ้าง

  • ทันตแพทย์จะเอ็กซเรย์ช่องปากเพื่อดูฟันว่าเรียงตัวผิดปกติหรือไม่ จากนั้นจึงทำพิมพ์ฟันเพื่อผลิตเครื่องมือจัดฟัน
  • จากนั้นทันตแพทย์จะทำความสะอาดผิวฟันให้พร้อมต่อการจัดฟัน
  • ทันตแพทย์ลงมือทากาวชนิดพิเศษและติดแบร็กเก็ตลงบนผิวฟันทีละซี่
  • เมื่อติดแบร็กเก็ตเรียบร้อย ทันตแพทย์จะร้อยลวดโลหะเพื่อเชื่อมแบร็กเก็ตทีละชิ้น
  • สำหรับขั้นตอนสุดท้าย ทันตแพทย์จะติดโอริงลงไปในร่องแบร็กเก็ตกับลวดโลหะทีละชิ้น

ดูแลฟันหลังจัดฟันอย่างไร

  • ทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธี เริ่มจากแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือแปรงทุกครั้งหลังมื้ออาหารอย่างน้อย 30 นาที เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียที่เกิดจากเศษอาหารติดตามเครื่องมือจัดฟัน, ใช้ไหมขัดฟันหลังแปรงฟัน
  • หากรู้สึกปวดฟันหลังจัดฟันใหม่ ๆ ทันตแพทย์จะให้ทานยาแก้ปวดพาราเซตามอล (Paracetamol) เพื่อบรรเทาอาการ
  • งดรับประทานอาหารที่แข็งหรือเหนียวเกินไป อาจเสี่ยงต่อเครื่องมือจัดฟันเสียหายหรือฟันขยับผิดตำแหน่ง
  • มาตามนัดทันตแพทย์ทุกครั้ง เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
  • หลังจากครบกำหนดการติดเครื่องมือ ทันตแพทย์จะให้คนไข้ใส่รีเทนเนอร์ตลอดเวลา เว้นเพียงแค่ช่วงรับประทานอาหารและแปรงฟันเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนตัวจนต้องกลับมาจัดฟันใหม่อีกรอบ

ปรึกษาหมอฟันที่ไหน ทำไมต้อง Toothluck Dental Clinic

หากคุณมีปัญหาช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นฟันซ้อนฟันเก ฟันห่าง ฟันสบผิดปกติ หรือกำลังมองหาคลินิกสำหรับดูแลฟัน เรา Tooth Luck Detal Clinic เป็นคลินิกทันตกรรมสำหรับเด็กและทุกคนในครอบครัว เรามีทีมทันตแพทย์พร้อมให้บริการทันตกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจัดฟัน ถอนฟัน ผ่าฟันคุด ฟอกสีฟัน ขูดหินปูน อุดฟัน รักษารากฟัน รากฟันเทียม วีเนียร์ ฟันปลอม และบริการทันตกรรมสำหรับเด็ก มาพร้อมเครื่องมือที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน และครบครัน ทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก ๆ และชาวจังหวัดขอนแก่นอย่างแท้จริง

ทำไมต้องทำฟันที่-Toothluck

บทความที่น่าสนใจ

รีวิวจัดฟันกับ Tooth Luck dental clinic คลินิกทำฟัน จัดฟัน ขอนแก่น