แม้ว่าฟันน้ำนมจะเป็นฟันที่ใครหลายคนมองข้ามเพราะมันจะหลุดออกเองตามธรรมชาติเมื่อถึงเวลาตามช่วงวัย แต่รู้หรือไม่คะว่าฟันชนิดนี้จัดเป็นฟันชุดแรกที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะเป็นรากฐานสำคัญให้ฟันแท้ที่กำลังจะงอกขึ้นมาในอนาคตเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบและไม่สร้างปัญหาในช่องปากในระยะยาวอีกด้วยนะคะ ว่าแต่ฟันชนิดนี้จะงอกขึ้นมาตั้งแต่อายุเท่าไหร่ มีวิธีดูแลรักษาและทำความสะอาดอย่างไรให้ฟันแข็งแรงและอยู่ในช่องปากได้นานที่สุดโดยที่ไม่มีปัญหาตามมาเมื่อฟันแท้งอก มาอ่านกันเลยค่ะ
ฟันน้ำนมคืออะไร
เป็นฟันชุดแรกที่ขึ้นมาภายในช่องปากโดยฟันน้ำนมคู่แรกจะเป็นฟันซี่หน้าด้านล่างซึ่งจะงอกขึ้นมาเมื่อมีอายุประมาณ 6 เดือนและทยอยงอกขึ้นมาเรื่อย ๆ จนครบ 20 ซี่เมื่อถึงอายุประมาณ 6 – 7 ปี ฟันชนิดนี้ทำหน้าที่บดเคี้ยวอาหาร ช่วยให้ออกเสียงพูดบางคำชัดเจนขึ้น อีกทั้งกระตุ้นให้กระดูกรองรับฟันเจริญเติบโตและขยายตัวเพื่อเอื้อความสะดวกให้ฟันแท้ที่กำลังจะงอกขึ้นมาในอนาคต หากลูกน้อยสูญเสียฟันน้ำนมในช่องปากมากเกินไป อาจมีผลต่อการเจริญเติบโตโดยรวมทั้งในเรื่องของการได้รับสารอาหารน้อยเกินไปเพราะระบบบดเคี้ยวทำงานได้ไม่เต็มที่จนกลายเป็นปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมา โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้เด็กอาจมีพัฒนาการด้านการสื่อสารที่ช้ากว่าเพื่อนในวัยเดียวกันเนื่องจากออกเสียงไม่ชัด หรือแม้แต่เสียบุคลิกภาพและสูญเสียความมั่นใจในตัวเด็กเองอีกด้วยค่ะ
ทำไมต้องดูแลฟันน้ำนมให้ดี
ระหว่างที่ฟันน้ำนมงอกขึ้นมาและอยู่ในช่วงกำลังใช้งานนั้น ฟันแท้ก็เริ่มก่อตัวขึ้นภายในเหงือกเพื่อรอวันที่ฟันน้ำนมจะหลุดออกทีละซี่จนฟันแท้งอกขึ้นมาครบและใช้งานในระยะยาว หากเด็กสูญเสียฟันน้ำนมก่อนวัยอันควรอาจทำให้กระดูกและพื้นที่ในช่องปากลดลง ไม่มีฟันน้ำนมสำหรับเก็บพื้นที่เอาไว้ให้ฟันแท้งอกขึ้นมา ทำให้ฟันแท้ที่กำลังจะงอกขึ้นมาใหม่นั้นถูกเบียดและขึ้นมาผิดตำแหน่ง กลายเป็นฟันซ้อนฟันเกที่ทำความสะอาดยากและเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพช่องปากอย่างโรคเหงือกอักเสบ ฟันผุตามมา นอกจากนี้สารเคลือบฟันในฟันน้ำนมซึ่งสารที่ช่วยป้องกันไม่ให้เนื้อฟันเสียหายนั้นมีความแข็งแรงน้อยกว่าสารเคลือบฟันในฟันแท้ หากเด็กดูแลฟันน้ำนมไม่ดีอาจมีโอกาสฟันผุง่ายกว่าฟันแท้ในผู้ใหญ่ ดังนั้นการดูแลฟันน้ำนมให้ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเด็ก ๆ เอง รวมถึงคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับฟันน้ำนมด้วยค่ะ
ฟันน้ำนมหลุดก่อนวัย เกิดจากอะไรบ้าง
การสูญเสียฟันน้ำนมก่อนวัยอันควรถือเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในเด็กหลายคน โดยสาเหตุที่ทำให้ฟันน้ำนมหลุดออกมีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น
- ได้รับอุบัติเหตุ จนฟันหักหรือแตกโดยไม่ได้เข้ารับการรักษาจากหมอฟันภายใน 1 ชั่วโมง
- ทำความสะอาดฟันน้ำนมผิดวิธี เช่น ใช้ไม้จิ้มฟันแทนแปรงสีฟัน หรือละเลยการทำความสะอาดช่องปากเป็นเวลานาน แปรงฟันน้อยกว่าวันละ 2 ครั้งต่อวัน
- รับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นขนมคบเคี้ยว น้ำหวาน น้ำอัดลม ลูกอม เฟรนช์ฟรายส์ ฯลฯ เนื่องจากน้ำตาลในอาหารจะทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียในช่องปากและสร้างกรดขึ้นมาทำลายผิวฟัน เมื่อฟันแข็งแรงน้อยลงส่งผลให้ฟันผุง่ายขึ้น
- เด็กมีพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำโดยไม่รู้ตัว เช่น ใช้ลิ้นดุนฟันบ่อย ๆ นอนกัดฟัน ติดการดูดขวดนม กัดฟันทุกครั้งเวลาโกรธหรือไม่พอใจ ทำให้ผิวฟันแข็งแรงน้อยลง
ข้อเสียของการสูญเสียฟันน้ำนมก่อนวัยอันควร
- รับประทานอาหารลำบาก มีปัญหาระบบย่อยอาหารง่ายขึ้น
- เมื่อเคี้ยวยากขึ้นก็ทำให้เด็กได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ส่งผลต่อพัฒนาการที่ช้ากว่าเด็กวัยเดียวกัน
- สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้ายิ้มหรือพูดคุยกับคนอื่น กลายเป็นเด็กเก็บตัว ไม่กล้าเข้าสังคม
- มีผลทำให้ฟันแท้ที่กำลังจะงอกขึ้นมาเรียงตัวไม่เป็นระเบียบอยู่ตามแนวขอบเหงือก กลายเป็นฟันซ้อนเกที่ทำความสะอาดยาก
ฟันน้ำนมหักทำอย่างไร
ฟันแท้หลุดถือเป็นปัญหาที่เด็กทุกคนต้องเจอ สำหรับวิธีเก็บรักษาฟันน้ำนมที่ถูกต้องจะต้องล้างฟันให้สะอาดก่อนจะหยิบฟันไปแช่ไว้ในน้ำเกลือหรือนมจืดประมาณ 10 วินาทีแล้วจึงใส่กลับเข้าไปในเบ้าฟันที่หลุดออกมา ทั้งนี้ ไม่ควรจับบริเวณรากฟันแท้ที่หลุดออกมา เพราะอาจทำให้คุณหมอต่อฟันแท้กลับเข้าที่ได้ยากขึ้นหรือต่อกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกค่ะ แต่ในกรณีที่ฟันได้รับความเสียหาย มีเลือดออกมาก ฟันสกปรกมาก หรือมีกระดูกแตกร่วมด้วย คุณพ่อคุณแม่จะต้องแช่ฟันที่หลุดออกมาในสารละลายที่เหมาะต่อการรักษารากฟันอย่างนมจืดไขมันต่ำแช่เย็น น้ำเกลือ หรือน้ำสะอาด เพื่อให้เซลล์ที่อยู่รอบผิวรากฟันยังคงมีชีวิตต่อได้ เมื่อแช่ฟันในสารละลายที่เหมาะสมแล้วให้รีบไปหาคุณหมอฟันโดยเร็วที่สุดภายใน 60 นาที เพราะหากไปช้ากว่านั้นอาจทำให้ฟันแท้ที่หลุดออกมาไม่สามารถต่อกลับเข้าไปยังเบ้าฟันได้และทำให้สูญเสียฟันแท้ซี่นั้นไปอย่างถาวร ส่งผลให้ฟันมีช่องว่างและฟันซี่ข้างเคียงเคลื่อนตัวผิดไปจากเดิมและล้มจนกลายเป็นปัญหาช่องปากตามมาได้ด้วยค่ะ
สำหรับวิธีการรักษาฟันน้ำนมหักสามารถทำได้ 2 แบบ ได้แก่ ใช้กาวต่อฟันที่หักภายใน 1 – 2 ชม. หากคุณหมอไม่สามารถต่อฟันได้ คุณหมอจะใช้วิธีอุดฟัน โดยการเอาเนื้อฟันที่ผุออกและทำความสะอาดส่วนที่สกปรกออก จากนั้นคุณหมอจะเติมวัสดุอุดฟันลงไปบนตัวฟันที่เสียหายเพื่อรักษาฟันที่ได้รับความเสียหายให้กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมโดยที่มีรูปทรงเหมือนเมื่อก่อน สำหรับวัสดุที่ใช้ในการอุดฟัน ได้แก่ คอมโพสิตเรซิน, อมัลกัม และกลาสไอโอโนเมอร์
ฟันน้ำนมขึ้นตอนไหน
1. ฟันบน
- ฟันหน้าซี่กลาง งอกขึ้นอายุ 8 เดือน และหลุดเมื่ออายุ 8 ปี
- ฟันหน้าซี่ข้าง งอกขึ้นอายุ 9 เดือน และหลุดเมื่ออายุ 9 ปี
- ฟันเขี้ยว งอกขึ้นอายุ 16 เดือน และหลุดเมื่ออายุ11 ปี
- ฟันกรามซี่ที่ 1 งอกขึ้นอายุ 13 เดือน และหลุดเมื่ออายุ 10 ปี
- ฟันกรามซี่ที่ 2 งอกขึ้นอายุ 25 เดือน และหลุดเมื่ออายุ 12 ปี
2. ฟันล่าง
- ฟันหน้าซี่กลาง งอกขึ้นอายุ 6 เดือน และหลุดเมื่ออายุ 6 ปี
- ฟันหน้าซี่ข้าง งอกขึ้นอายุ 10 เดือน และหลุดเมื่ออายุ 7 ปี
- ฟันเขี้ยว งอกขึ้นอายุ 17 เดือน และหลุดเมื่ออายุ 9 ปี
- ฟันกรามซี่ที่ 1 งอกขึ้นอายุ 14 เดือน และหลุดเมื่ออายุ 10 ปี
- ฟันกรามซี่ที่ 2 งอกขึ้นอายุ 23 เดือน และหลุดเมื่ออายุ 11 ปี
ดูแลฟันน้ำนมอย่างไรให้แข็งแรง
1. ทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธี
- วางแปรงสีฟันลงบนผิวฟันโดยทำมุม 45 องศา ตรงรอยต่อระหว่างเหงือกและฟัน
- ขยับแปรงสีฟันไปมาเบา ๆ โดยขัดไปตามแนวฟันและเหงือก สำหรับฟันบนให้แปรงปัดลง ส่วนฟันล่างให้แปรงปัดขึ้น
- ถูแปรงเข้าไปในซอกฟันและกดแรงกดเล็กน้อยเพื่อเอาเศษอาหารเอาจากซอกฟันเท่าที่ทำได้ (หากเอาเศษอาหารออกจากซอกฟันไม่ได้ ให้ใช้ไหมขัดฟันหลังจากแปรงฟันเสร็จ)
- ทำเช่นเดียวกันให้ทั่วโดยเริ่มจากฟันบนก่อน เมื่อแปรงฟันบนครบทุกซี่แล้วค่อยแปรงฟันล่างต่อ
หลายคนอาจเข้าใจผิดอยู่ว่าการแปรงฟันจะต้องจุ่มน้ำเข้ากับยาสีฟันหรือบ้วนปากทุกครั้งหลังแปรงฟันเสร็จ หมอณัฐขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่านั่นคือวิธีที่ผิดนะคะ เพราะการทำเช่นนั้นจะทำให้ฟลูออไรด์อยู่ในช่องปากไม่นานและฟลูออไรด์ทำงานได้ไม่เต็มที่ ฟันจึงไม่สะอาดเท่าที่ควร สำหรับการแปรงฟันที่ถูกต้องจะต้องแปรงแห้งนะคะ การแปรงแห้งคือการแปรงฟันโดยไม่ต้องบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดเพื่อให้ฟลูออไรด์คงอยู่ในช่องปากได้นานและทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้ฟันแข็งแรงยิ่งขึ้น เมื่อแปรงแห้งเสร็จแล้วให้ใช้น้ำสะอาดเช็ดริมฝีปากที่เลอะยาสีฟันออกเพียงอย่างเดียว กรณีที่ยังไม่ชินกับการแปรงแห้ง หมอณัฐแนะนำให้เปลี่ยนจากการบ้วนน้ำมาเป็นการจิบน้ำเพียง 1 ช้อนชา แล้วกลั้วให้ทั่วปากแล้วค่อยบ้วนทิ้ง
ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกใช้ยาสีฟันที่มีปริมาณฟลูออไรด์เหมาะต่อเด็กในแต่ละช่วงวัยด้วยนะคะ หากเป็นเด็กที่อายุยังน้อยแนะนำให้เลือกยาสีฟันที่ไม่มีฟลูออไรด์เพื่อป้องกันเด็กกลืนยาสีฟันเข้าไปและทำให้ร่างกายได้รับปริมาณฟลูออไรด์มากไปจนเป็นอันตรายต่อร่างกาย และที่สำคัญไม่ควรรับประทานน้ำหรืออาหารใด ๆ หลังจากแปรงฟันเสร็จแล้วอย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้ฟลูออไรด์คงอยู่ในช่องปากให้ได้นานที่สุด
2. รับประทานอาหารบำรุงฟัน
สำหรับสารอาหารที่ช่วยบำรุงฟันได้นั้นมีหลายชนิด ได้แก่
- เส้นใยอาหาร ช่วยขัดผิวฟันและกำจัดเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก กระตุ้นการผลิตน้ำลาย พบได้ในข้าวกล้อง, ข้าวซ้อมมือ, คะน้า, ตำลึง, กล้วย, ส้ม
- คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ช่วยลดคราบหินปูน พบได้ในข้าวกล้อง, ข้าวโอ๊ต, กล้วย, ฟักทอง, แตงโม, ถั่วแดง, มันเทศ
- วิตามิน A ช่วยสร้างเมือกให้เยื่อบุผิวในช่องปากและทำให้ช่องปากผลิตน้ำลาสำหรับชะล้างสิ่งสกปรกและบำรุงเหงือกให้แข็งแรง พบได้ในน้ำมันตับปลา, ตับไก่, ผักใบเขียว, มะละกอ, มะม่วงสุก
- วิตามิน C ช่วยรักษาโครงสร้างเหงือกและส่วนอื่น ๆ ภายในช่องปาก ป้องกันเหงือกอักเสบและเลือดออกตามไรฟัน พบได้ในส้ม, สัปปะรด, สตรอว์เบอร์รี, บรอกโคลี, ใบมะระจีน, ผักกาดขาว
- แคลเซียม (Calcium) และฟอสฟอรัส (Phosphorus) ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน พบได้ในนมวัว, หอยนางรม, ผักใบเขียว, ถั่วเหลือง, โยเกิร์ต
- น้ำเปล่า การดื่มน้ำเปล่าวันละ 8 – 10 แก้ว (ประมาณ 2,000 มิลลิลิตร) จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของสารเคลือบฟัน สำหรับเด็กที่มีอายุ 1-8 ปี ควรดื่มปริมาณ 1,000 – 2,100 มิลลิลิตร, สำหรับเด็กผู้ชายที่มีอายุ 9 – 18 ปี ควรดื่มปริมาณ 1,700 – 3,375 มิลลิลิตร ส่วนเด็กผู้หญิงที่มีอายุ 9 – 18 ปี ควรดื่มปริมาณ 1,600 – 2,775 มิลลิลิตร
3. เข้าพบหมอฟันเป็นประจำทุก 6 เดือน
แม้ว่าจะไม่มีอาการปวดฟันแต่การเข้าพบหมอฟันเป็นประจำทุก 6 เดือนจะช่วยให้ฟันน้ำนมของลูกน้อยแข็งแรงยิ่งขึ้น อย่าลืมนะคะว่าฟันน้ำนมมีสารเคลือบฟันที่แข็งแรงน้อยกว่าฟันแท้ หากเด็กมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น นอนกัดฟัน ดูดนิ้วมือบ่อย ใช้ฟันกัดสิ่งของต่าง ๆ ที่ไม่ใช่อาหาร แปรงฟันน้อยกว่าวันละ 2 ครั้งหรือไม่แปรงฟันเลยใน 1 วัน ชอบทานอาหารหรือขนมที่มีส่วนผสมของน้ำตาลเป็นประจำ อาจทำให้สารเคลือบฟันเสื่อมไวกว่าปกติและทำให้แบคทีเรียในช่องปากสร้างกรดและเกิดคราบหินปูนไวกว่าเด็กคนอื่น ดังนั้นการเข้าพบคุณหมอเพื่อขูดหินปูนและตรวจเช็กสุขภาพช่องปากโดยรวมเป็นประจำทุก 6 เดือนจะช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากได้ในอนาคต (หากเด็กมีพฤติกรรมเสี่ยงบ่อย ๆ แนะนำให้ตรวจเช็กทุก 3 เดือนค่ะ) หรือหากลูกน้อยรู้สึกปวดฟันก็ควรเข้าพบคุณหมอทันที
บทความที่น่าสนใจ
- รากฟันอักเสบเกิดจากอะไร ทำไมต้องรีบรักษาโดยเร็วที่สุด
- อย่าปล่อยให้ฟันผุทะลุโพรงประสาท ทำร้ายสุขภาพช่องปากในระยะยาว
- ฟันหัก ซ่อมได้ไหม ดูแลอย่างไรให้ฟันกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
จัดฟันน้ำนมที่ไหนดี
หากคุณมีปัญหาช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นฟันซ้อนฟันเก ฟันห่าง ฟันสบผิดปกติ หรือกำลังมองหาคลินิกสำหรับดูแลฟัน เรา Tooth Luck Dental Clinic เป็นคลินิกทันตกรรมสำหรับเด็กและทุกคนในครอบครัว เรามีทีมทันตแพทย์พร้อมให้บริการทันตกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจัดฟัน ถอนฟัน ผ่าฟันคุด ฟอกสีฟัน ขูดหินปูน อุดฟัน รักษารากฟัน รากฟันเทียม วีเนียร์ ฟันปลอม และบริการทันตกรรมสำหรับเด็ก มาพร้อมเครื่องมือที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน และครบครัน ทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก ๆ และชาวจังหวัดขอนแก่นอย่างแท้จริง
รีวิวจัดฟันใส Invisalign กับ Tooth Luck dental clinic คลินิกทำฟัน จัดฟัน ขอนแก่น
@dr.nuttakul Replying to @mookmi_k จัดฟันใสเป็นยังไง? ข้อดี? ข้อเสีย? #หมอณัฐคุณ #หมอฟัน #หมอฟันtiktok #คลินิกทันตกรรมทูธลักค์ #รักสุขภาพ #tiktokสายความรู้ #เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า #tiktokuni #มากกว่า60วิ #จัดฟัน #ทําฟันขอนแก่น #จัดฟันใส
@dr.nuttakul รีวิวเคสจัดฟันใส ทำไมเลือก? ดีกว่ายังไง? #หมอณัฐคุณ #หมอฟัน #หมอฟันtiktok #คลินิกทันตกรรมทูธลักค์ #รักสุขภาพ #tiktokสายความรู้ #เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า #tiktokuni #ทําฟันขอนแก่น #จัดฟัน #จัดฟันใส #มากกว่า60วิ
ชิววี่คืออะไร ทำไมถึงจำเป็นต่อการจัดฟันใส
สำหรับคนที่กำลังจะจัดฟันใสหรือกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการจัดฟันใส ก็คงจะเคยได้ยินชื่อของ [...]
จัดฟันใส ยี่ห้อไหนดี หมอณัฐมีวิธีเลือกแบบง่ายๆ มาฝาก
หลังจากที่หลายคนตัดสินใจจะจัดฟันใสแล้ว คำถามต่อมาที่สร้างความสับสนให้หลายคนคือ [...]
งบจัดฟันใสจำกัด แต่อยากจัดฟันใส วางแผนการเงินอย่างไรดี
สำหรับใครที่อยากมีรอยยิ้มสวยด้วยการจัดฟันใส แต่กังวลเรื่องงบประมาณ [...]
จัดฟันใส แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ใครอยากรู้ต้องอ่าน
หลายคนอาจคิดว่าการจัดฟันใสทำได้แค่เพียงแก้ไขฟันที่ซ้อนหรือฟันเกเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว [...]
ก่อนจัดฟันใสต้องรู้อะไร เตรียมตัวอย่างไรให้การจัดฟันราบรื่น
ก่อนจัดฟันใส คนไข้จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ [...]
เครื่องมือจัดฟันใส: กับทุกข้อสงสัยที่คนอยากจัดฟันใสต้องรู้
เครื่องมือจัดฟันใส ถือเป็นนวัตกรรมที่เข้ามาเปลี่ยนโลกของการจัดฟันไปอย่างสิ้นเชิงค่ะ [...]