ข้อห้ามหลังถอดเหล็กจัดฟันมีอะไรบ้าง ไม่อยากจัดฟันซ้ำ อย่าทำ

ข้อห้ามหลังถอดเหล็กจัดฟัน

เมื่อจัดฟันครบตามระยะเวลาที่กำหนดแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องถอดเครื่องมือจัดฟันสักที หลายคนอาจรู้สึกโล่งใจที่ได้ถอดเหล็กจัดฟัน แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจไปนะคะ เพราะการถอดเครื่องมือจัดฟันไม่ได้หมายความว่าเราไม่จำเป็นจะต้องดูแลช่องปากเหมือนตอนจัดฟันอีกต่อไป หากคนไข้ดูแลช่องปากต้องกลับมาจัดฟันเป็นรอบที่สองได้อีกด้วย และในวันนี้หมอณัฐจะมาพูดถึงข้อห้ามหลังถอดเหล็กจัดฟันกันค่ะ

ข้อห้ามหลังถอดเหล็กจัดฟัน

1. ห้ามละเลยการใส่รีเทนเนอร์

รีเทนเนอร์เป็นอุปกรณ์ป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนตัวนอกเหนือไปจากตำแหน่งที่ทันตแพทย์วางไว้ โดยทั่วไปแล้วคุณหมอจะแนะนำให้ใส่ตลอดเวลา ถอดออกแค่ตอนรับประทานอาหารและทำความสะอาดช่องปากเท่านั้น เมื่อผ่านไป 2-3 ปีแล้วค่อยใส่เฉพาะตอนนอนเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วคนไข้หลายคนอาจรู้สึกว่าใส่รีเทนเนอร์แล้วอึดอัด เลยเลือกที่จะถอด หรือบางคนอาจเผลอลืมใส่รีเทนเนอร์ได้ เพียงแต่ถ้าคุณลืมใส่ไม่เกิน 1 สัปดาห์ ก็อาจกลับมาใส่รีเทนเนอร์ได้ตามปกติ แต่หากคุณลืมหรือละเลยการใส่รีเทนเนอร์เป็นเวลานาน ก็อาจทำให้ฟันเคลื่อนหรือฟันล้มจนกลับไปสู่ตำแหน่งเดิมก่อนจัดฟัน, ฟันอาจขยับจนเกิดช่องว่างระหว่างฟัน, ฟันที่เคลื่อนไปอาจทำให้ประสิทธิภาพการบดเคี้ยวลดลงและไม่สามารถใส่รีเทนเนอร์ชิ้นเดิมได้อีกต่อไป จำเป็นต้องเปลี่ยนรีเทนเนอร์ใหม่หรืออาจต้องจัดฟันใหม่ได้เลยค่ะ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: รีเทนเนอร์ (Retainers)

2. ห้ามละเลยสุขอนามัยช่องปาก

การดูแลสุขอนามัยช่องปากเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องทำ ไม่ว่าจะจัดฟันหรือไม่ก็ตาม สำหรับสุขอนามัยช่องปากที่ต้องทำมีทั้งการแปรงฟันด้วยยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลออไรด์ทุกวัน วันละ 2 ครั้ง ได้แก่ ช่วงเช้าและก่อนนอน, ใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟันก่อนหรือหลังจัดฟันเสมอ, หมั่นไปพบหมอฟันทุกๆ 6 เดือน แต่หากคุณละเลยการดูแลช่องปากหลังจากถอดเครื่องมือจัดฟันออกไปแล้ว ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพช่องปากอื่นๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นโรคฟันผุ โรคเหงือกอักเสบ มีกลิ่นปากง่าย ฟันหัก และอื่นๆ อีกมาก

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: 7 สาเหตุของการแปรงฟันแรงเกินไป พร้อมวิธีสังเกตอาการตัวเอง

3. ห้ามทานอาหารทำร้ายฟัน

แม้ว่าการจัดฟันจะช่วยให้คุณรับประทานอาหารได้ง่ายกว่าแต่ก่อนก็ตาม แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะทานอะไรก็ได้ เพราะการรับประทานอาหารบางชนิดอาจทำร้ายฟันของเราได้ด้วยเช่นกัน สำหรับอาหารทำร้ายฟันที่หมอณัฐแนะนำให้เลี่ยงจะมีดังนี้

  • น้ำอัดลม, น้ำหวาน, เครื่องดื่มชูกำลังใจ หลายคนอาจรู้สึกสดชื่นเวลาดื่มน้ำเหล่านี้เข้าไป แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจทำร้ายสุขภาพช่องปากของคุณจนก่อให้เกิดฟันผุได้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากน้ำเหล่านี้มีน้ำตาลสูง ซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรียในช่องปากที่ก่อให้เกิดกรดทำลายเคลือบฟัน ทำให้ฟันสึกกร่อนและเกิดฟันผุ นอกจากนี้กรดในน้ำอัดลม เช่น กรดฟอสฟอริกและกรดซิตริก ยังไปกัดกร่อนเคลือบฟันโดยตรง ทำให้ฟันอ่อนแอและฟันผุง่ายขึ้น
  • ชาและกาแฟ แม้จะเป็นเมนูเครื่องมือยอดนิยมสำหรับใครหลายคน แต่เครื่องดื่มเหล่านี้มีสีที่เข้มที่นอกจากจะติดเป็นคราบอยู่บนผิวฟันแล้ว ยังมีสารเทนนิน (Tannin) ที่มีฤทธิ์กัดกร่อนผิวฟันและทำให้ฟันผุ
  • ผลไม้อบแห้ง นอกจากจะมีน้ำตาลสูงที่กัดกร่อนเคลือบฟันจนเป็นเหตุทำให้ฟันผุและเหงือกอักเสบแล้ว ผลไม้ประเภทนี้ยังมีความเหนียว เคี้ยวยาก ทำให้ฟันต้องทำงานหนักในการบดเคี้ยวจนทำให้ปวดฟันง่ายขึ้นด้วย
  • ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว และสับปะรด มีฤทธิ์กัดกร่อนเคลือบฟันและทำให้ฟันบางลง เสี่ยงต่ออาการเสียวฟันและฟันผุได้ง่ายขึ้น

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: รวมอาหารคนจัดฟันที่ควรทาน เพื่อการดูแลฟันที่ดียิ่งขึ้น

4. ห้ามละเลยการมาพบแพทย์

การไปพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพช่องปากและป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว หากคนไข้ละเลยการเข้าพบคุณหมอก็อาจส่งผลเสียต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นคราบพลัคและหินปูนที่สะสม ไม่สามารถทำความสะอาดได้ด้วยการแปรงฟันเพียงอย่างเดียว หากไม่ทำความสะอาดอย่างถูกต้องก็อาจทำให้เกิดฟันผุและโรคเหงือกตามมา หากโรคเหงือกไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีอาจลุกลามจนทำให้ฟันหลุด หรือแม้แต่ปัญหาสุขภาพช่องปากอื่นๆ ที่อาจพัฒนามาเป็นมะเร็งได้ในระยะยาวอีกด้วยค่ะ

5. ห้ามใช้ฟันผิดวิธี

หลายคนมีความเชื่อว่าฟันของเราแข็งแรงมากพอที่จะใช้ทำอย่างอื่นนอกเหนือจากการบดเคี้ยวอาหาร เช่น ใช้ฟันฉีกถุงขนม, ใช้ฟันเปิดขวด, ฟันเคี้ยวน้ำแข็ง หรือบางคนอาจมีพฤติกรรมกัดฟันไม่รู้ตัว เช่น กัดฟันเวลาเครียด, นอนกัดฟัน ซึ่งการที่ฟันกระแทบกันบ่อยๆ จะเกิดแรงกดและเสียดสีจนทำให้เคลือบฟันสึกลง ส่งผลให้ฟันบางลงและอ่อนไหวต่อความร้อน-เย็นจากอาหาร จนเกิดอาการเสียวฟัน หรือฟันแตกได้ในระยะยาว

6. ห้ามละเลยความผิดปกติในช่องปาก

หากพบความผิดปกติภายในช่องปาก ยกตัวอย่างเช่น อยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่าฟันเริ่มโยกหรือคลอนเล็กน้อย จริงอยู่ที่อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน เนื่องจากหลังถอดเครื่องมือจะเป็นช่วงที่ฟันยังแข็งแรงไม่เต็มที่ และจะค่อยๆ หายไปเองในไม่กี่สัปดาห์ แต่หากฟันเริ่มโยกหนักขึ้นจนสร้างความลำบากในการบดเคี้ยวอาหารหรือออกเสียง, อาการปวดฟันหลังถอดเครื่องมือมาได้สักพัก หรืออาการเสียวฟันที่รุนแรง หมอณัฐแนะนำให้รีบพบคุณหมอโดยเร็วที่สุดค่ะ เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพช่องปากที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขค่ะ

สุดท้ายนี้หากความผิดปกติหลังจากถอดเครื่องมือจัดฟัน ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดฟัน, ฟันโยก หรือมีเศษอาหารติดซอกฟันง่ายเกินไป หมอณัฐขอแนะนำให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพราะถ้าปล่อยไว้นานก็อาจเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพช่องปากอื่นๆ ตามมาที่อาจถึงขั้นต้องจัดฟันรอบสองหรือรอบสามได้อีกด้วย กันไว้ดีกว่าแก้นะคะ

บทความที่น่าสนใจ

ดูแลช่องปากที่ไหนดี ทำไมต้อง Toothluck Dental Clinic

หากคุณมีปัญหาช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นฟันซ้อนฟันเก ฟันห่าง ฟันสบผิดปกติ หรือกำลังมองหาคลินิกสำหรับดูแลฟัน เรา Tooth Luck Detal Clinic เป็นคลินิกทันตกรรมสำหรับเด็กและทุกคนในครอบครัว เรามีทีมทันตแพทย์พร้อมให้บริการทันตกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจัดฟัน ถอนฟัน ผ่าฟันคุด ฟอกสีฟัน ขูดหินปูน อุดฟัน รักษารากฟัน รากฟันเทียม วีเนียร์ ฟันปลอม และบริการทันตกรรมสำหรับเด็ก มาพร้อมเครื่องมือที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน และครบครัน ทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก ๆ และชาวจังหวัดขอนแก่นอย่างแท้จริง

ทำไมต้องทำฟันที่-Toothluck

รีวิวจัดฟันกับ Tooth Luck dental clinic คลินิกทำฟัน จัดฟัน ขอนแก่น