ในปัจจุบันยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้วิธีดูแลฟันที่ถูกต้องมาก่อนและเผลอทำความสะอาดฟันแบบผิดวิธีจนทำร้ายสุขภาพช่องปากโดยไม่รู้ตัว รู้อีกทีฟันก็มีปัญหาซะแล้ว วันนี้หมอณัฐจะมาแนะนำวิธีดูแลสุขภาพฟันอย่างไรให้แข็งแรง ฟันอยู่กับเราไปอีกนาน ๆ พร้อมทั้งแนะนำพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้ฟันเสื่อมเร็วอีกด้วยค่ะ ถ้าอยากรู้แล้วว่ามีวิธีไหนบ้างมาอ่านไปด้วยกันเลยค่ะ
1. แปรงฟันอย่างถูกวิธี
หลายอาจคิดว่าการแปรงฟันก็แค่ใช้แปรงถูไปมาบนผิวฟันเพียงอย่างเดียวก็พอ แต่ในความเป็นจริงแล้วการแปรงฟันไม่ได้มีเพียงแค่นั้นนะคะ สำหรับการแปรงฟันที่ถูกต้องจะต้องแปรงด้วยวิธีต่อไปนี้ค่ะ
- วางแปรงสีฟันลงบนผิวฟันโดยทำมุม 45 องศากับคอฟัน ตรงรอยต่อระหว่างเหงือกและฟัน
- ขยับแปรงสีฟันไปมาเบา ๆ บริเวณผิวฟัน โดยแปรงจากด้านซ้ายหรือด้านขวาก่อน (ตามความถนัด) เปลี่ยนจนสุดทาง
- สำหรับฟันบนให้แปรงปัดลง ส่วนฟันล่างให้แปรงปัดขึ้น
- ถูแปรงเข้าไปในซอกฟันและกดแรงกดเล็กน้อยเพื่อเอาเศษอาหารเอาจากซอกฟันเท่าที่ทำได้ (หากเอาเศษอาหารออกจากซอกฟันไม่ได้ ให้ใช้ไหมขัดฟันหลังจากแปรงฟันเสร็จ)
- นอกจากนี้สามารถแปรงวนเป็นวงกลมบริเวณผิวฟันโดยออกแรงเบา ๆ ได้ด้วยเช่นกัน
- เมื่อแปรงฟันครบทุกซี่แล้วใช้น้ำสะอาดทำความสะอาดริมฝีากที่เปื้อนยาสีฟันโดยไม่ต้องบ้วนน้ำตาม เพื่อให้ฟลูออไรด์คงอยู่ในช่องปากได้นานและทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้ฟันแข็งแรงยิ่งขึ้น
- กรณีที่ยังไม่ชินกับการแปรงแห้ง หมอณัฐแนะนำให้เปลี่ยนจากบ้วนน้ำมาจิบน้ำเพียง 1 ช้อนชา แล้วกลั้วให้ทั่วปากก่อนบ้วนน้ำทิ้ง
2. แปรงฟันถูกเวลา
หลายคนอาจคิดว่าแปรงฟันเพียง 2 เวลา ได้แก่ ช่วงเช้าและก่อนนอนเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วคนเรารับประทานอาหาร 3 มื้อ ได้แก่ เช้า, กลางวัน และเย็น และเมื่อยึดหลักการแปรงฟันเพียงแค่ 2 เวลาแล้ว ก็จะทำให้เศษอาหารติดตามซอกฟันเป็นเวลานาน กระตุ้นให้เชื้อแบคทีเรียในช่องปากทำปฏิกิริยากับน้ำตาลในเศษอาหารและสร้างกรดทำลายผิวเคลือบฟัน ยิ่งถ้าใครชอบรับประทานขนมคบเคี้ยวระหว่างวันด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งมีเศษอาหารสะสมอยู่มากและอาจเกิดฟันผุได้ง่ายกว่าคนอื่น
ดังนั้นการทำความสะอาดฟันทุกครั้งหลังมื้ออาหารอย่างน้อย 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมงจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดค่ะ เนื่องจากกรดจากอาหารและเครื่องดื่มจะกัดกร่อนผิวเคลือบฟันหลังมื้ออาหาร ทางที่ดีควรปล่อยให้เอนไซม์ในน้ำลายปรับสภาพความเป็นกรด – ด่างในช่องปากให้สมดุลก่อนอย่างน้อย 30 นาที นอกจากนี้การแปรงฟันทันทีหลังมื้ออาหารอาจเสี่ยงต่อการคลื่นไส้อาเจียนง่ายด้วย แต่หากคุณรู้สึกรำคาญภายในช่องปาก แนะนำให้บ้วนน้ำสะอาดไปก่อนนะคะ
3. ใช้ไหมขัดฟันและน้ำยาบ้วนปากควบคู่กับการแปรงฟัน
ไหมขัดฟันเป็นอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับทำความสะอาดเศษอาหารตามซอกฟันโดยเฉพาะ ข้อดีของไหมขัดฟันจะช่วยกำจัดเศษอาหารตามซอกฟันที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง สามารถกำจัดคราบพลัคบริเวณซอกฟันหรือผิวฟัน จึงช่วยลดโอกาสเกิดอาการเลือดออกตามไรฟัน แถมยังป้องกันฟันผุและโรคปริทันต์อักเสบที่ทำให้เหงือกอักเสบเรื้อรัง แตกต่างจากการใช้ไม้จิ้มฟันที่อาจบาดเหงือก เหงือกร่น หรือฟันห่างได้ สำหรับวิธีใช้ไหมขัดฟันที่ถูกต้องนั้นจะต้องดึงไหมขัดฟันความยาวประมาณ 45 ซม. จากนั้นนำนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้จับไหมขัดฟันผ่านซอกฟันอย่างเบามือ ขัดไปจนถึงขอบเหงือกโดยเริ่มจากซี่ในสุดด้านขวาไปจนถึงด้านซ้าย ขัดจากฟันบนลงไปฟันล่าง แล้วโอบไหมขัดฟันให้รอบซี่ฟัน ก่อนที่จะดันเข้าหาร่องเหงือกและเคลื่อนขึ้นลงเบา ๆ
ใช้ไหมขัดฟันอย่างไร ให้ถูกวิธี ฟันสวยดั่งใจ
4. เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องปากที่เหมาะสม
สำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องปาก ได้แก่ แปรงสีฟัน (หรือแปรงสีฟันไฟฟ้า) ยาสีฟัน ไหมขัดฟัน และน้ำยาบ้วนปาก จะมีวิธีเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพช่องปากดังนี้
4.1 แปรงสีฟัน
ความกว้างของหัวแปรงสีฟันของผู้ใหญ่ควรกว้างประมาณ ½ -1 นิ้ว และยาวประมาณ 1 นิ้ว ไม่ควรเกิน 1.5 ซม. ส่วนด้านจับแปรงสีฟันควรยาวพอจับถนัดมือ ไม่ใช่วัสดุที่แตกหักง่าย ขนแปรงที่ดีจะต้องผลิตจากไนลอน PBT (Polybutylene Terephthalate) ปลายขนแปรงต้องเรียบเสมอกัน ซึ่งจะช่วยให้ขนแปรงแนบผิวคอฟันให้ได้มากที่สุด สำหรับความนุ่มของขนแปรงควรเลือกชนิดปานกลาง, นุ่ม หรือนุ่มเป็นพิเศษก็ได้ ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนค่ะ ส่วนแปรงสีฟันสำหรับเด็กนั้นนอกจากจะเลือกให้ตรงตามช่วงอายุแล้ว แนะนำให้เลือกตามลวดลายที่ลูกชอบเลยค่ะ ซึ่งจะช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกสนุกกับการแปรงฟันมากยิ่งขึ้น
4.2 ยาสีฟัน
ยาสีฟันที่ดีต้องมีส่วนผสมของฟลูออไรด์ซึ่งจะช่วยป้องกันฟันผุ โดยยาสีฟันที่ดีจะต้องเนื้อละเอียด ไม่หยาบ เพราะเนื้อยาสีฟันที่หยาบจะทำให้ผิวเคลือบฟันเสียหาย สำหรับเนื้อยาสีฟันที่เหมาะสมควรเป็นยาสีฟันแบบเนื้อครีมซึ่งเป็นยาสีฟันเนื้อละเอียดและยาสีฟันแบบแบบเนื้อเจลซึ่งมีเนื้อละเอียดมากกว่าเนื้อครีม ไม่เป็นอันตรายต่อผิวเคลือบฟัน ส่วนยาสีฟันที่ไม่แนะนำคือยาสีฟันแบบผงขัดฟัน หากใช้ไปนาน ๆ อาจทำให้เนื้อฟันสึกกร่อนง่าย กรณีที่เลือกยาสีฟันสำหรับเด็ก แนะนำให้เด็กไปเลือกด้วยตัวเองและควรซื้อเผื่อไว้ประมาณ 1 – 2 อัน เพื่อให้ลูกน้อยไม่รู้สึกเบื่อที่จะแปรงฟันนั่นเองค่ะ
4.3 ไหมขัดฟัน
- แบบมาตรฐาน (Dental tape) เป็นไหมขัดฟันคล้ายเทปหรือแผ่นเล็กบาง มีทั้งแบบชนิดเคลือบขี้ผึ้งและไม่เคลือบขี้ผึ้ง โดยแบบเคลือบขี้ผึ้งจะช่วยลดอาการบาดเจ็บขณะแคะเศษอาหารได้มากกว่าแบบไม่เคลือบขี้ผึ้ง
- แบบมีด้ามจับ (Floss holder) เนื่องจากมีด้ามจับเพิ่มขึ้นมาจึงไม่ต้องใช้นิ้วพันไหมเพื่อขัดฟัน เหมาะสำหรับมือใหม่และผู้ที่มีปัญหาอ้าปากกว้างไม่ได้มาก
- แบบใช้ร่วมกับห่วงร้อยไหม (Floss threader) เป็นไหมขัดฟันที่มีห่วงร้อยไหมขัดฟันคู่กับไหมขัดฟันที่ผ่านการเคลือบขี้ผึ้ง เหมาะสำหรับผู้ที่จัดฟันและใส่สะพานฟัน
- แปรงไหมขัดฟัน (Interdental brush) ใช้งานเหมือนไหมขัดฟันทั่วไปเพียงแต่มีราคาสูงกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาฟันห่าง มีช่องว่างระหว่างฟันกว้างจนไหมขัดฟันขัดทำความสะอาดยาก, ผู้ที่ใส่สะพานฟัน และผู้ที่ใส่ฟันปลอม
- แบบซูเปอร์ฟลอสส์ (Superfloss) เป็นไหมขัดฟันแบบพิเศษ เหมาะสำหรับผู้ที่จัดฟันโดยเฉพาะ เนื่องจากมีพลาสติกสำหรับสอดเส้นไหมเข้าไปใต้เหล็กดัดฟันและมีฟองน้ำสำหรับทำความสะอาดเหล็กดัดฟัน
- ไหมขัดฟันพลังน้ำ (Waterpulse water flosser) เป็นไหมขัดฟันไฟฟ้าโดยอาศัยแรงดันน้ำประมาณ 80 – 90 psi ในการพ่นทำความสะอาดซอกฟัน ซึ่งจะช่วยสลายคราบพลัคและเศษอาหารได้เป็นอย่างดี เหมาะกับผู้ป่วยเหงือกอักเสบและผู้ที่จัดฟัน, ทำสะพานฟัน และทำรากฟันเทียม
4.4 น้ำยาบ้วนปาก
น้ำยาบ้วนปากในปัจจุบันมี 2 ประเภท ได้แก่
- น้ำยาบ้วนปากแบบทั่วไป เป็นน้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี จึงไม่สามารถกำจัดแบคทีเรียในช่องปากที่เป็นสาเหตุของกลิ่นปากได้และควบคุมกลิ่นปากได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
- น้ำยาบ้วนปากสำหรับรักษาโรคในช่องปาก เป็นน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ คลอร์เฮกซิดีน หรือเซทิลไพริดิเนียมคลอไรด์ที่ช่วยกำจัดแบคทีเรียและคราบจุลินทรีย์ในช่องปาก สามารถป้องกันโรคปริทันต์และโรคเหงือกอักเสบ
โดยส่วนประกอบสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อน้ำยาบ้วนปาก มีดังนี้
- เซทิลไพริดิเนียมคลอไรด์ (Cetylpyridinium Chloride) ช่วยกำจัดแบคทีเรียและยับยั้งการก่อตัวของคราบจุลินทรีย์ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก
- คลอร์เฮกซิดีน (Chlorhexidine) ช่วยรักษาโรคปริทันต์และต่อต้านการเกิดคราบจุลินทรีย์ (แต่หากใช้เป็นเวลานานอาจเกิดคราบสีบนผิวฟันได้)
- ดีเทอร์เจนส์ (Detergents) ช่วยขจัดคราบจุลินทรีย์ เหมาะสำหรับน้ำยาบ้วนปากที่ใช้ก่อนแปรงฟัน
- ฟลูออไรด์ (Fluoride) ช่วยป้องกันฟันผุและเสริมสร้างความแข็งแรงของสารเคลือบฟันในฟันแท้
- น้ำมันหอมระเหย (Essential Oils) ช่วยดับกลิ่นปากและต้านการเกิดแบคทีเรีย เช่น เมนทอล (Menthol) และยูคาลิปตอล (Eucalyptol)
- เอนไซม์ต้านแบคทีเรีย ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก เช่น ไลโซไซม์ (Lysozyme) และแลคโตเพอออกซิเดส (Lactoperoxidase)
5. รับประทานอาหารบำรุงฟัน
สำหรับอาหารที่มีประโยชน์ต่อฟันจะต้องมีสารอาหารบำรุงฟันดังต่อไปนี้ค่ะ
- ฟลูออไรด์ (Fluoride) ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้แก่ผิวเคลือบฟัน ป้องกันฟันผุ พบได้ในกล้วย แตงโม สตรอว์เบอร์รี ผักใบเขียว ปลาทะเลา ใบชา กาแฟ
- เส้นใยอาหาร (Dietary Fiber) ช่วยขจัดคราบแบคทีเรียที่เกาะอยู่ตามผิวเคลือบฟันและกระตุ้นต่อมน้ำลายให้ผลิตน้ำลายชะล้างสิ่งสกปรกในช่องปากมากขึ้น พบได้ในผักหวาน ตำลึง คะน้า ข้าวขาว ส้ม กล้วย องุ่น
- คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (Complex Carbohydrates) มีไฟเบอร์ช่วยลดคราบหินปูนซึ่งเป็นสาเหตุของฟันผุ ป้องกันโรคเหงือกและลดปัญหากลิ่นปาก พบได้ในธัญพืชไม่ขัดสีอย่างข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ขนมปังโฮลวีท
- แคลเซียม (Calcium) ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ฟันและช่วยนำแร่ธาตุที่จำเป็นกลับคืนสู่ฟัน พบได้ในนม โยเกิร์ต เนย กุ้ง กอยนางรม ปลาแซลมอน กะหล่ำ ถั่ว
- แมกนีเซียม (Magnesium) ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดี เสริมความแข็งแรงให้แก่เนื้อฟันและผิวเคลือบฟัน พบได้ในผักใบเขียว กล้วย อะโวคาโด โกโก้
- ฟอสเฟต (Phosphate) ช่วยคืนไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Hydroxyapatite) กลับสู่เคลือบฟันและซ่อมแซมเคลือบฟัน พบได้ในเมล็ดธัญพืช นม เนื้อสัตว์ กระดูกปลา
- สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ช่วยป้องกันแบคทีเรียเกาะติดอยู่ในช่องปาก ยับยั้งกระบวนการสร้างแบคทีเรียที่ทำให้เกิดคราบพลัคซึ่งเป็นสาเหตุของฟันผุ พบได้ในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ได้แก่ บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ กะหล่ำปลีสีม่วง หัวผักกาด
นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำร้ายฟันอย่างเครื่องดื่มที่กัดกร่อนเคลือบฟันอย่างน้ำอัดลม โซดา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดรับประทานอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลมากเกินไป เพราะอาจทำให้แบคทีเรียสร้างกรดทำลายผิวเคลือบฟันมากขึ้นและกลายเป็นฟันผุตามมาในภายหลัง งดรับประทานอาหารที่เหนียวหรือแข็งเกินไปอย่างหมูกรอบหรือเนื้อวัวและอาหารรสจัด เพราะจะทำให้ใช้งานฟันหนักเกินไปและทำให้ฟันสึกได้ค่ะ
6. ดูแลฟันกับหมอฟันทุก 6 เดือน
แม้ว่าจะเราทำความสะอาดช่องปากถูกวิธีเป็นประจำ แต่คราบหินปูนที่เกิดจากแบคทีเรียในช่องปากนั้นไม่สามารถกำจัดออกได้ด้วยการแปรงฟันเพียงอย่างเดียว หากปล่อยไว้นานอาจก่อให้เกิดโรคเหงือกอักเสบและเสี่ยงต่อการสูญเสียฟันในอนาคตด้วยค่ะ ดังนั้นควรมาพบหมอฟันเพื่อขูดหินปูนออกเป็นประจำทุก 6 เดือน สำหรับใครมีปัญหาสุขภาพช่องปากก็ควรมาพบทุก 3 เดือนเพื่อรักษาและป้องกันการเกิดปัญหาภายในช่องปากในอนาคตค่ะ ส่วนใครที่มีอาการปวดฟันโดยไม่ทราบสาเหตุก็ควรมาพบคุณหมอทันที ไม่ควรซื้อยาแก้ปวดมาทานแล้วปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาการปวดโดยไม่ทราบสาเหตุอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคเหงือกอักเสบและทวีความรุนแรงขึ้นในระยะยาวจนอาจเสี่ยงต่อการสูญเสียฟันในอนาคตค่ะ
ดูแลฟันที่ไหนดี
หากคุณมีปัญหาช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นฟันซ้อนฟันเก ฟันห่าง ฟันสบผิดปกติ หรือกำลังมองหาคลินิกสำหรับดูแลฟัน เรา Tooth Luck Detal Clinic เป็นคลินิกทันตกรรมสำหรับเด็กและทุกคนในครอบครัว เรามีทีมทันตแพทย์พร้อมให้บริการทันตกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจัดฟัน ถอนฟัน ผ่าฟันคุด ฟอกสีฟัน ขูดหินปูน อุดฟัน รักษารากฟัน รากฟันเทียม วีเนียร์ ฟันปลอม และบริการทันตกรรมสำหรับเด็ก มาพร้อมเครื่องมือที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน และครบครัน ทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก ๆ และชาวจังหวัดขอนแก่นอย่างแท้จริง
รีวิวจัดฟันใส Invisalign กับ Tooth Luck dental clinic คลินิกทำฟัน จัดฟัน ขอนแก่น
บทความที่น่าสนใจ
- รากฟันอักเสบเกิดจากอะไร ทำไมต้องรีบรักษาโดยเร็วที่สุด
- อย่าปล่อยให้ฟันผุทะลุโพรงประสาท ทำร้ายสุขภาพช่องปากในระยะยาว
- ฟันหัก ซ่อมได้ไหม ดูแลอย่างไรให้ฟันกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
ฟันผุทั้งปาก จัดฟันได้ไหม ดูแลช่องปากอย่างไรไม่ให้บานปลาย
นอกจากจะมีผลต่อความมั่นใจเวลายิ้มหรือพูดคุยกับคนอื่นแล้ว ฟันผุทั้งปากยังมีผลเสียอื่นๆ [...]
ฟันยื่นเกิดจากอะไร จัดฟันแก้ได้ไหม ใช้เวลารักษานานหรือไม่
ฟันยื่นเป็นปัญหาช่องปากที่หลายคนพบเจอและส่งผลต่อความมั่นใจเวลาพูดคุยกับผู้อื่น หลายคนอาจกังวลว่าถ้าปล่อยไว้นานจะเป็นผลเสียในระยะยาวหรือไม่ [...]
ไม่อยากมีปัญหาช่องปาก ต้องทำความสะอาดด้วยแปรงซอกฟัน
หลายคนอาจคิดว่าการแปรงฟันเพียงวันละ 2 [...]
เฝือกสบฟันคืออะไร ทำไมถึงป้องกันปัญหาปวดฟันและฟันสึกได้ดี
หากคุณรู้สึกปวดเมื่อยแก้มหรือหน้าหูหลังตื่นนอนหรือรู้สึกปวดฟันขณะรับประทานอาหาร นี่เป็นสัญญาณหนึ่งที่กำลังบอกว่าคุณกำลังประสบภาวะนอนกัดฟันที่หากปล่อยไว้นาน [...]
น้ำยาบ้วนปากคนจัดฟัน เลือกแบบไหนให้ปลอดภัย ไม่ทำร้ายช่องปาก
การดูแลตัวเองหลังปรับเครื่องมือเป็นสิ่งสำคัญที่คนไข้จัดฟันต้องปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากคนไข้ดูแลตัวเองไม่ดีพอ [...]
รวมสาเหตุที่ทำให้ลวดจัดฟันงอ เพื่อการป้องกันที่ดียิ่งขึ้น
โดยทั่วไปแล้วหมอฟันจะนัดให้เราเข้าไปเปลี่ยนลวดตามระยะเวลาที่กำหนด แต่สำหรับใครที่จัดฟันไปได้สักพักแล้วลวดจัดฟันงอ [...]