บริการฟอกสีฟัน ปรับสีฟันให้ขาว แก้ฟันเหลือง

บริการฟอกสีฟัน ปรับสีฟันให้ขาว แก้ฟันเหลือง ช่วยให้ยิ้มอย่างมั่นใจ

Tooth Luck dental clinic ให้บริการฟอกสีฟันที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการ ทั้งนี้ ยังช่วยเสริมบุคลิกภาพ และสร้างความประทับใจต่อผู้ที่พบเห็นได้อีกด้วย สำหรับใครที่รู้ตัวว่าฟันไม่ขาวสดใส มีสีเหลือง เทา หรือดำ และกำลังมองหาวิธีแก้ไขอยู่ Tooth Luck มีวิธีมาแนะนำกัน

ฟอกสีฟัน คืออะไร

พูดถึงการฟอกสีฟัน หรือการฟอกฟันขาวนี่ เป็นเรื่องที่คนไข้ถามหมอบ่อยมากๆ เลยทีเดียว มันเป็นวิธีที่ช่วยทำให้ฟันของเราที่เคยมีสีเหลืองๆ หรือมีสีคล้ำๆ กลับมาขาวสดใสขึ้นได้ค่ะ ทำไมฟันเราถึงเปลี่ยนสีได้ล่ะ? ก็เพราะว่าชีวิตประจำวันของเรานี่แหละค่ะ! พวกเราดื่มกาแฟทุกเช้า ชาบ่อยๆ น้ำอัดลม ไวน์แดง หรือแม้แต่ซอสมะเขือเทศที่เราชอบกินกับพิซซ่า อาหารพวกนี้ล้วนทิ้งคราบสีไว้บนฟันเราทั้งนั้นเลย แถมถ้าใครสูบบุหรี่ด้วยนี่ ยิ่งทำให้ฟันเปลี่ยนสีได้เร็วมากขึ้นอีกนะคะ

ปัญหาคือคราบพวกนี้มันไม่ใช่แค่เกาะที่ผิวฟันนะ แต่มันซึมลึกเข้าไปในเนื้อฟันด้วย ดังนั้นแค่แปรงฟันแรงๆ หรือไปขูดหินปูนอย่างเดียวก็เอาออกไม่หมดแล้วล่ะค่ะ หมอเคยมีคนไข้บอกว่า “หมอคะ หนูแปรงฟันวันละสามรอบ แต่ทำไมฟันยังเหลืองอยู่เลย?” นี่แหละค่ะคือเหตุผลที่ทำไมเราถึงต้องมีวิธีฟอกสีฟันขึ้นมา การฟอกสีฟันจะใช้น้ำยาพิเศษที่มีส่วนผสมของสารฟอกขาว (ส่วนใหญ่จะเป็นไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์) ซึ่งมันจะช่วยสลายคราบสีที่ฝังอยู่ในชั้นเคลือบฟันได้ ทำให้ฟันของเรากลับมาขาวสว่างขึ้นได้แบบเห็นผลชัดเจนเลยล่ะค่ะ!

ขอบอกว่าตอนที่เห็นรอยยิ้มของคนไข้หลังฟอกฟันเสร็จนี่ เป็นช่วงเวลาที่หมอชอบมากๆ เลย เพราะหลายคนบอกว่ารู้สึกมั่นใจขึ้นเยอะมากในการยิ้ม แถมดูอ่อนกว่าวัยด้วยนะ! ส่วนวิธีการฟอกสีฟันและข้อควรระวังต่างๆ เดี๋ยวหมอจะมาเล่าให้ฟังในตอนต่อไป แต่ถ้าสนใจอยากทำก็ลองมาปรึกษาหมอฟันใกล้บ้านได้เลยค่า จะได้เลือกวิธีที่เหมาะกับฟันของแต่ละคนด้วย

ฟอกสีฟัน

ฟอกสีฟัน เหมาะกับใครบ้าง?

การฟอกสีฟันหรือฟอกฟันขาว เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องสีฟัน เช่น ฟันมีสีดำ คล้ำ สีเหลือง เนื้อฟันไม่ขาวใส รวมถึงทุกที่ใส่ใจเรื่องของรอยยิ้มและบุคลิก ตามเช็กลิสต์ ดังนี้

ฟอกสีฟัน มีกี่แบบ แบบไหนดีที่สุด

การฟอกสีฟันที่กำลังนิยมมีด้วยกันหลักๆ 3 รูปแบบค่ะ แต่ละแบบก็มีข้อดีและความเหมาะสมที่แตกต่างกันไปตามสภาพฟันของแต่ละคนนะคะ

การฟอกสีฟันด้วยแสงเย็น (Cool light)

เป็นวิธีที่หมอเห็นว่าเหมาะกับคนที่ฟันไม่ได้เหลืองมากนัก เพราะจะใช้แสง LED ฉายลงบนฟันที่ทาน้ำยาฟอกสีฟันไว้แล้ว แสงตัวนี้จะไปกระตุ้นให้น้ำยาทำงานได้ดีขึ้น ช่วยให้เม็ดสีที่หนาทึบของฟันแตกตัวออก ทำให้ฟันดูขาวสว่างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ข้อดีของวิธีนี้คือไม่ค่อยเสียวฟันเท่าไหร่ คนไข้ของหมอหลายคนชอบวิธีนี้เพราะผลลัพธ์ค่อนข้างดี แต่ไม่แสบหรือระคายเคืองมากค่ะ

ฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์

วิธีนี้จะใช้แสงเลเซอร์ไดโอดมากระตุ้นให้น้ำยาฟอกสีฟันแตกตัว ช่วยให้น้ำยาแทรกซึมเข้าไปในผิวฟันได้ลึกและดีขึ้น จึงขจัดคราบและเม็ดสีบนผิวฟันได้อย่างรวดเร็ว วิธีนี้จะให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดกว่าแบบแรก แต่ก็อาจจะทำให้ฟันเสียวได้มากกว่าเช่นกันค่ะ หมอมักแนะนำวิธีนี้สำหรับคนที่มีฟันเหลืองปานกลางถึงมาก หรือคนที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนรวดเร็ว

การฟอกสีฟันแบบ Zoom

วิธีนี้เป็นที่นิยมมากในคลินิกทันตกรรมความงาม เพราะใช้พลังงานแสงสีฟ้าชนิดเข้มข้นมากระตุ้นการทำงานของน้ำยาฟอกสีฟัน ทำให้สารในน้ำยาแทรกซึมเข้าสู่ชั้นผิวฟันได้ดีมาก และกำจัดคราบหรือเม็ดสีบนเนื้อฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำลายโครงสร้างของฟัน ข้อดีคือให้ผลลัพธ์ที่ขาวสว่างมากและเห็นผลทันที แต่ก็มีโอกาสทำให้เกิดอาการเสียวฟันได้มากกว่าสองวิธีแรกค่ะ

แล้วแบบไหนดีที่สุดล่ะคะ? หมอขอตอบว่าไม่มีวิธีไหนที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนนะคะ เพราะแต่ละคนมีสภาพฟัน ความเหลืองของฟัน และความไวของเนื้อฟันที่ต่างกัน บางคนฟันเหลืองมาก ก็อาจจะต้องใช้วิธี Zoom เพื่อให้เห็นผลชัดเจน แต่ถ้าเป็นคนที่ฟันไวมาก ก็อาจจะเลือกวิธี Cool light ที่อ่อนโยนกว่าก็ได้ค่ะ อยากให้ปรึกษาทันตแพทย์ก่อนเลือกวิธีนะคะ จะได้เหมาะกับสภาพฟันของแต่ละคนจริงๆ ค่ะ

ขั้นตอนการฟอกสีฟัน

สำหรับขั้นตอนของการฟอกสีฟัน หมอจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดนะคะว่าเราทำกันยังไง จะได้ไม่ต้องกังวลเวลามารับบริการค่ะ โดยจะมีหลักๆ อยู่ 2 ขั้นตอนด้วยกัน คือ 

การปรึกษาและวางแผนการรักษา

ก่อนที่เราจะเริ่มฟอกสีฟันเลย ขั้นตอนแรกสุดที่สำคัญมากคือการปรึกษาพูดคุยกันระหว่างหมอกับคนไข้ค่ะ หมอจะต้องซักประวัติก่อนว่าคนไข้มีประวัติเสียวฟันหรือไม่ เคยแพ้สารเคมีอะไรหรือเปล่า มีโรคประจำตัวอะไรบ้าง แล้วก็จะตรวจสภาพฟันโดยละเอียดด้วยว่ามีรอยผุ มีการอักเสบของเหงือก หรือปัญหาอื่นๆ ไหม

หมอจะคุยกับคนไข้ถึงความคาดหวังว่าอยากให้ฟันขาวระดับไหน เพราะบางคนอาจจะอยากได้สีที่ดูเป็นธรรมชาติ แต่บางคนอาจจะอยากได้สีที่ขาวมากๆ และหมอจะอธิบายว่าด้วยสภาพฟันของคนไข้ สามารถฟอกให้ขาวได้ระดับไหน เพราะบางกรณีสีฟันอาจเกิดจากยาที่เคยรับประทาน หรือมีการเปลี่ยนสีภายในตัวฟันซึ่งอาจจะต้องใช้วิธีอื่นร่วมด้วย

หมอจะแนะนำวิธีการฟอกสีฟันที่เหมาะสม เช่น คนที่ฟันเสียวมาก อาจจะต้องเลือกวิธีที่อ่อนโยนกว่า หรือคนที่เหงือกบางอาจต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ขั้นตอนนี้ช่วยให้เราเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะกับแต่ละคนได้อย่างแท้จริงค่ะ

ขั้นตอนการเตรียมผิวฟัน

ขั้นตอนนี้สำคัญมากๆ เลยค่ะ เพราะถ้าเราเตรียมฟันไม่ดี ผลลัพธ์ก็จะไม่สวยเต็มที่ หมอจะเริ่มจากการวัดระดับสีฟันของคนไข้ก่อนเลย เพื่อดูว่าฟันอยู่ในระดับสีไหน และหลังจากฟอกแล้วจะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน บางคนฟันอาจจะเหลืองเข้มมาก บางคนอาจจะเพียงแค่หมองคล้ำนิดหน่อย การวัดสีก่อนจะช่วยให้เราเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ดีค่ะ

จากนั้นหมอจะทำการเตรียมผิวฟัน โดยจะขูดหินปูนในกรณีที่มีหินปูนเกาะอยู่ค่ะ เพราะถ้ามีหินปูนอยู่ น้ำยาฟอกสีฟันก็จะไม่สามารถซึมเข้าไปถึงเนื้อฟันได้ดี แล้วก็จะขัดฟันด้วยผงขัดพิเศษเพื่อกำจัดคราบสกปรกตื้นๆ บนผิวฟัน ทำให้ผิวฟันเรียบและพร้อมสำหรับการฟอกสี

ขั้นตอนสุดท้ายของการเตรียมฟัน จะเป็นการใส่อุปกรณ์ป้องกันริมฝีปากและเหงือก ซึ่งจำเป็นมากๆ นะคะ เพราะน้ำยาฟอกสีฟันอาจจะระคายเคืองเนื้อเยื่ออ่อนได้ถ้าโดนโดยตรง หมอจะใส่ที่กั้นริมฝีปากซึ่งเหมือนอุปกรณ์ถ่างปากเล็กๆ และใช้วัสดุพิเศษปกป้องเหงือกไม่ให้โดนน้ำยาฟอกสีฟัน ตรงนี้ทำให้การฟอกฟันปลอดภัยมากขึ้นค่ะ

ขั้นตอนการฟอกสีฟัน

หลังจากเตรียมฟันเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนสำคัญเลยค่ะ คือการฟอกสีฟัน! หมอจะทาน้ำยาฟอกสีฟันลงบนผิวฟันทั้งหมดที่ต้องการฟอก แล้วใช้เครื่อง Cool light LED ส่องไปที่ฟัน แสงนี้จะช่วยกระตุ้นให้น้ำยาทำงานได้ดีขึ้นค่ะ โดยทั้งกระบวนการจะใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที ขึ้นอยู่กับสภาพความเหลืองของฟันแต่ละคน

ระหว่างทำ หมอจะคอยตรวจดูอาการของคนไข้ด้วยนะคะ เพราะบางคนอาจจะมีอาการเสียวฟันได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รุนแรงมาก ถ้ารู้สึกเสียวมากจริงๆ หมอจะหยุดพักเป็นช่วงๆ ได้ค่ะ

หลังจากเสร็จกระบวนการ หมอจะทำการล้างน้ำยาออก และวัดสีฟันอีกครั้งเพื่อเปรียบเทียบกับสีเดิมก่อนฟอก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนเลยค่ะ ฟันจะขาวสว่างขึ้นหลายระดับทีเดียว!

หมอต้องบอกเลยนะคะว่า การฟอกสีฟันเป็นหนึ่งในหัตถการที่ให้ความพึงพอใจกับคนไข้สูงมาก เพราะเห็นผลลัพธ์ทันที และช่วยให้รอยยิ้มของเรากลับมาสดใสได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องทำอะไรกับโครงสร้างฟันมากค่ะ

วิธีเตรียมตัวก่อนฟอกสีฟัน

การเตรียมตัวก่อนฟอกสีฟันเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ที่จะช่วยให้การฟอกสีฟันมีประสิทธิภาพและลดโอกาสเกิดอาการข้างเคียงค่ะ หมอมีคำแนะนำในการเตรียมตัวก่อนมาฟอกสีฟันดังนี้:

1. ตรวจสุขภาพช่องปากก่อน

ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและทำความสะอาดฟันก่อนการฟอกสีฟันประมาณ 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือน เพราะถ้ามีรอยผุ เหงือกอักเสบ หรือมีหินปูนเกาะมาก อาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันรุนแรงได้ระหว่างฟอกฟัน หรืออาจทำให้ผลลัพธ์ไม่สวยอย่างที่ควรจะเป็น

2. เริ่มใช้ยาสีฟันลดอาการเสียวฟัน

ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนฟอกสีฟัน เริ่มใช้ยาสีฟันสำหรับฟันเสียวโดยเฉพาะ เช่น พวกที่มีส่วนผสมของโพแทสเซียมไนเตรท จะช่วยลดความไวของฟันก่อนการฟอกสี ทำให้เสียวน้อยลงระหว่างทำค่ะ

3. งดอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม

2-3 วันก่อนฟอกสีฟัน พยายามงดอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลมสีดำ ไวน์แดง ซอสมะเขือเทศ อาหารที่มีขมิ้น เพื่อให้ผิวฟันพร้อมรับการฟอกสีมากที่สุด

4. งดบุหรี่

ถ้าเป็นไปได้ ควรงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนการฟอกสีฟัน เพราะนิโคตินและทาร์ในบุหรี่จะทำให้ฟันเปลี่ยนสีได้ง่าย และอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของการฟอกสีฟัน

5. แปรงฟันให้สะอาด

ในวันที่จะไปฟอกสีฟัน แปรงฟันให้สะอาดเป็นพิเศษและใช้ไหมขัดฟันด้วย เพื่อกำจัดคราบอาหารที่อาจตกค้างและอาจขัดขวางการทำงานของน้ำยาฟอกสีฟันค่ะ

6. งดน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของคลอร์เฮกซิดีน

ถ้าใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของคลอร์เฮกซิดีน (chlorhexidine) ควรงดใช้ 1-2 วันก่อนฟอกสีฟัน เพราะอาจทำปฏิกิริยากับน้ำยาฟอกสีฟันและทำให้ประสิทธิภาพลดลงได้

7. เตรียมตัวเรื่องอาหารหลังฟอกสีฟัน

หลังฟอกสีฟัน 24-48 ชั่วโมงแรก ควรกินอาหารที่ไม่มีสี (white diet) เช่น ข้าว ไก่ ปลา นม โยเกิร์ตธรรมชาติ กล้วย แอปเปิล ดังนั้นควรเตรียมซื้ออาหารเหล่านี้ไว้ล่วงหน้า

8. ถ้ามีประวัติเสียวฟันมาก

ควรแจ้งทันตแพทย์ล่วงหน้าว่าฟันของคุณไวต่อความเย็น-ร้อน หรือเคยมีประวัติเสียวฟันมาก เพื่อให้ทันตแพทย์เตรียมวิธีรักษาที่เหมาะสม เช่น อาจใช้น้ำยาฟอกสีที่มีความเข้มข้นต่ำลง หรือใช้เทคนิคพิเศษเพื่อลดอาการเสียวค่ะ

9. หลีกเลี่ยงการใช้ลิปสติกสีแดงในวันที่มาฟอกฟัน

เพราะอาจเปื้อนและทำปฏิกิริยากับน้ำยาฟอกสีฟันได้ แนะนำให้ใช้ลิปมันหรือลิปบาล์มแทน

การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้การฟอกสีฟันมีประสิทธิภาพสูงสุด และลดโอกาสการเกิดอาการข้างเคียงได้มากค่ะ ที่สำคัญอย่าลืมปฏิบัติตามคำแนะนำหลังฟอกสีฟันอย่างเคร่งครัดด้วยนะคะ จะช่วยให้ฟันขาวอยู่ได้นานยิ่งขึ้นค่ะ

ฟอกสีฟัน

วิธีทำให้ฟันขาว "หลังฟอกสีฟัน" ให้ขาวอยู่นานขึ้น

ฟอกสีฟัน
ฟอกสีฟัน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ "ฟอกสีฟัน"

คำถามยอดฮิตเลยค่ะข้อนี้! หมอเข้าใจความกังวลนี้ดี เพราะหลายคนก็เป็นห่วงเรื่องความเจ็บปวดก่อนตัดสินใจมาฟอกฟัน

โดยทั่วไปแล้ว การฟอกสีฟันไม่ได้เจ็บปวดอย่างที่หลายคนกังวลค่ะ แต่คนไข้ส่วนใหญ่มักจะมีอาการ "เสียวฟัน" ในระหว่างหรือหลังการฟอกสีฟัน ซึ่งความเสียวนี้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละคน บางคนแทบไม่รู้สึกอะไรเลย แต่บางคนก็อาจจะเสียวพอสมควร

ความเสียวฟันนี้เกิดจากน้ำยาฟอกสีฟันที่มีส่วนผสมของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ซึ่งจะซึมผ่านชั้นเคลือบฟันเข้าไปถึงเนื้อฟันด้านใน ทำให้เกิดอาการเสียวชั่วคราวได้ อาการเสียวมักจะเป็นแบบรู้สึกจี๊ดเวลาโดนความเย็นหรือความร้อน ไม่ใช่ความเจ็บแบบปวดตุ๊บๆ ค่ะ

จากประสบการณ์ที่หมอดูแลคนไข้มา พอจะแบ่งความรู้สึกของคนไข้ได้ประมาณนี้:

  • คนไข้ประมาณ 30% แทบไม่รู้สึกอะไรเลยระหว่างฟอกสีฟัน
  • ประมาณ 50% มีอาการเสียวฟันเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่ทนได้สบายๆ
  • ประมาณ 20% มีอาการเสียวค่อนข้างมาก แต่ส่วนใหญ่ก็ยังทำต่อจนจบได้

แต่ว่าอาการเสียวฟันนี้มักจะหายไปเองภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังการฟอกสีฟันค่ะ และหมอก็มีวิธีช่วยลดอาการเสียวระหว่างและหลังการฟอกสีฟันด้วย เช่น:

  1. ก่อนฟอกสีฟัน หมออาจแนะนำให้ใช้ยาสีฟันลดอาการเสียวฟันสัก 1-2 สัปดาห์
  2. ระหว่างการฟอกสีฟัน ถ้ารู้สึกเสียวมาก หมอจะหยุดพักเป็นระยะๆ ได้
  3. หลังฟอกสีฟัน หมอจะทาเจลฟลูออไรด์ซึ่งช่วยลดอาการเสียวได้มาก
  4. คนไข้ที่ฟันไวมากๆ หมออาจเลือกน้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นต่ำลง ใช้เวลาฟอกนานขึ้น แต่เสียวน้อยลง

สำหรับคนที่ฟันไวมากๆ ตามธรรมชาติอยู่แล้ว (เช่น กินของเย็นแล้วเสียวฟันประจำ) หมอก็จะมีการเตรียมฟันพิเศษก่อนการฟอกสีเพื่อลดอาการเสียวด้วยค่ะ

ที่น่ารู้อีกอย่างคือ อาการเสียวฟันหลังฟอกนี้ ไม่ได้แปลว่าฟันของเราถูกทำลายหรือเสียหายนะคะ มันเป็นเพียงอาการชั่วคราวเท่านั้น การฟอกสีฟันที่ทำโดยทันตแพทย์เป็นวิธีที่ปลอดภัยและไม่ทำลายโครงสร้างฟันค่ะ

ฟอกสีฟันช่วยให้ฟันขาวขึ้นจริงๆ ค่ะ! หมอเห็นผลลัพธ์ชัดเจนในคนไข้แทบทุกราย เพียงแต่ความขาวจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

สาเหตุที่การฟอกสีฟันได้ผลจริงก็เพราะน้ำยาฟอกสีฟันที่ใช้ (ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์) สามารถแทรกซึมเข้าไปในชั้นเคลือบฟันและเนื้อฟัน แล้วทำปฏิกิริยากับโมเลกุลของสารที่ทำให้เกิดสีในฟัน ทำให้สารเหล่านั้นแตกตัวและเปลี่ยนโครงสร้างจนกลายเป็นสารไม่มีสี ทำให้ฟันดูขาวขึ้นค่ะ

ในการฟอกสีฟันที่คลินิก โดยทั่วไปจะทำให้ฟันขาวขึ้นประมาณ 2-8 เฉดสี ขึ้นอยู่กับสภาพฟันเดิมและวิธีการฟอกสีฟันที่เลือกใช้ โดยวิธีที่ใช้แสงเลเซอร์หรือ Zoom มักจะให้ผลลัพธ์ที่ขาวกว่าวิธี Cool light ธรรมดา

อย่างไรก็ตาม มีข้อควรรู้สำคัญเกี่ยวกับการฟอกสีฟันค่ะ:

  1. ความขาวของฟันแต่ละคนมีขีดจำกัด ไม่สามารถฟอกให้ขาวเกินกว่าสีฟันธรรมชาติที่แท้จริงของแต่ละคนได้

  2. ฟันที่เปลี่ยนสีจากปัจจัยภายใน เช่น จากยาเตตร้าไซคลิน หรือฟันที่เปลี่ยนสีเนื่องจากการตายของเนื้อเยื่อในฟัน อาจจะฟอกได้ผลน้อยกว่าฟันที่เปลี่ยนสีจากปัจจัยภายนอก (กาแฟ ชา บุหรี่)

  3. วัสดุทางทันตกรรม เช่น วัสดุอุดฟันสีเหมือนฟัน ครอบฟัน สะพานฟัน จะไม่เปลี่ยนสีตามการฟอกสีฟัน ดังนั้นอาจทำให้สีฟันไม่สม่ำเสมอกันได้

จากประสบการณ์ที่หมอได้ทำการฟอกสีฟันให้คนไข้มาหลายราย เกือบทุกคนพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ค่ะ แต่ก็ต้องเข้าใจว่าฟันขาวเหมือนในโฆษณาหรือดาราฮอาจเป็นไปได้ยาก เพราะบางทีภาพเหล่านั้นก็มีการตกแต่งหรือใช้วีเนียร์ช่วยด้วย

ที่สำคัญคือการตั้งความคาดหวังให้เหมาะสม หมอจะประเมินและบอกคนไข้ตั้งแต่แรกว่าน่าจะฟอกได้ขาวระดับไหน เพราะหากคาดหวังสูงเกินไปก็อาจผิดหวังได้ แต่โดยรวมแล้ว การฟอกสีฟันช่วยให้ฟันขาวขึ้นได้จริงและปลอดภัยเมื่อทำโดยทันตแพทย์ที่มีความชำนาญค่ะ

จัดฟันอยู่ฟอกสีฟันได้ไหม?

คำถามนี้หมอเจอบ่อยมากเลยค่ะ เพราะหลายคนที่กำลังจัดฟันอยู่ก็อยากมีรอยยิ้มที่ขาวสวยไปด้วย! โดยทั่วไปแล้ว หมอไม่แนะนำให้ฟอกสีฟันในขณะที่กำลังจัดฟันอยู่ด้วยเหตุผลหลักๆ ดังนี้ค่ะ

ประการแรก ตัวเครื่องมือจัดฟัน (เหล็ก หรือ bracket) จะปิดทับพื้นผิวฟันบางส่วนอยู่ ทำให้น้ำยาฟอกสีฟันไม่สามารถเข้าถึงพื้นผิวฟันได้ทั่วถึง ถ้าฟอกฟันตอนนี้ พอถอดเครื่องมือจัดฟันออกแล้ว จะเห็นรอยขาว-เหลืองไม่เท่ากันบนฟัน ตรงที่เคยมีเครื่องมือติดอยู่จะมีสีเหลืองกว่าบริเวณอื่น แล้วเราต้องไปฟอกสีฟันซ้ำอีกรอบหลังจัดฟันเสร็จค่ะ

ประการที่สอง คนที่จัดฟันมักมีเหงือกอักเสบได้ง่ายกว่าปกติ เพราะการดูแลทำความสะอาดช่องปากทำได้ยากกว่า น้ำยาฟอกสีฟันอาจจะไปกระตุ้นให้เหงือกระคายเคืองมากขึ้นได้ ทำให้รู้สึกเจ็บหรือไม่สบายมากกว่าคนที่ไม่ได้จัดฟัน

ทางที่ดีที่สุดคือรอให้จัดฟันเสร็จก่อนค่ะ แล้วค่อยมาฟอกสีฟันทีเดียว จะได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและสม่ำเสมอทั่วทั้งปาก ถ้าอยากมีฟันขาวระหว่างจัดฟัน หมอแนะนำให้ใช้ยาสีฟันที่มีคุณสมบัติช่วยขจัดคราบและให้ฟันดูขาวขึ้นเล็กน้อยแทน เช่น ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของโซเดียมไบคาร์บอเนต หรือถ่านชาร์โคล ซึ่งช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ขาวเท่าการฟอกสีฟันแบบเต็มรูปแบบค่ะ

บางคลินิกอาจจะมีวิธีฟอกฟันแบบพิเศษสำหรับคนจัดฟัน แต่หมอยังไม่แนะนำอยู่ดี เพราะไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายและเวลา เนื่องจากต้องกลับมาฟอกอีกรอบหลังจัดฟันเสร็จอยู่ดีค่ะ

ผลลัพธ์จากการฟอกสีฟันจะอยู่ได้ยาวนานประมาณ 6 เดือน-1 ปี ขึ้นอยู่กับระดับสีที่เป็นอยู่ของฟัน น้ำยาฟอกสีฟัน รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ และการดูแลการรักษาสุขภาพช่องปากของแต่ละบุคคล อย่างการเลือกรับประทานอาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ซึ่งจะสามารถรักษาสีฟันให้ขาวได้นานยิ่งขึ้น

ไม่สามารถใช้ประกันสังคมได้

ฟอกสีฟันซี่เดียวได้แน่นอนค่ะ! หลายคนอาจไม่ทราบว่าเราสามารถเลือกฟอกเฉพาะฟันบางซี่ได้ โดยเฉพาะในกรณีที่มีฟันซี่ที่สีเข้มกว่าซี่อื่นๆ หรือฟันที่ผ่านการรักษารากฟันมาแล้วซึ่งมักจะมีสีคล้ำกว่าฟันปกติ

การฟอกสีฟันซี่เดียวเป็นเทคนิคเฉพาะทางที่ต่างจากการฟอกสีฟันทั้งปากค่ะ โดยจะใช้เทคนิคที่เรียกว่า "walking bleach" หรือการฟอกสีฟันจากภายใน ซึ่งเหมาะสำหรับฟันที่ผ่านการรักษารากฟันมาแล้ว วิธีนี้ทันตแพทย์จะเจาะเปิดรูเล็กๆ ที่ด้านหลังของฟันซี่นั้น แล้วใส่น้ำยาฟอกสีฟันเข้าไปข้างใน แล้วปิดด้วยวัสดุอุดชั่วคราว ปล่อยไว้ประมาณ 3-7 วัน แล้วจึงกลับมาที่คลินิกเพื่อล้างน้ำยาออกและอุดปิดรู

สำหรับฟันที่ยังมีเนื้อเยื่อในฟันอยู่ (ฟันที่ยังมีชีวิต) ก็สามารถฟอกสีซี่เดียวได้เช่นกัน แต่จะใช้เทคนิคจากภายนอก โดยหมอจะใช้แผ่นยางกั้นน้ำลายที่เจาะเฉพาะตำแหน่งของฟันซี่ที่ต้องการฟอก หรือใช้เจลป้องกันพิเศษทาที่เหงือกและฟันข้างเคียง แล้วจึงทาน้ำยาฟอกสีฟันเฉพาะซี่ที่ต้องการ

ข้อดีของการฟอกสีฟันซี่เดียวคือ:

  1. แก้ไขปัญหาเฉพาะจุดได้โดยไม่ต้องฟอกทั้งปาก
  2. ประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าการฟอกทั้งปาก
  3. ลดโอกาสการเกิดอาการเสียวฟันเพราะจำกัดพื้นที่การฟอก
  4. เหมาะสำหรับคนที่มีวัสดุบูรณะฟันอยู่แล้วหลายซี่ ซึ่งการฟอกทั้งปากอาจทำให้สีไม่สม่ำเสมอ

อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังคือ การฟอกสีฟันซี่เดียวอาจทำให้สีของฟันไม่กลมกลืนกับฟันข้างเคียง จึงต้องใช้ความชำนาญเฉพาะทางของทันตแพทย์ในการพิจารณาระดับความขาวที่เหมาะสม ไม่ให้ขาวเกินไปจนดูผิดธรรมชาติค่ะ

ถ้าคุณสังเกตว่ามีฟันบางซี่ที่สีคล้ำกว่าซี่อื่นๆ อย่าลืมปรึกษาทันตแพทย์นะคะ บางครั้งการฟอกสีฟันซี่เดียวอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการครอบฟันหรือทำวีเนียร์ เพราะรักษาโครงสร้างฟันธรรมชาติไว้ได้มากกว่าค่ะ

  • All Posts
  • blog
    •   Back
    • จัดฟัน
    • ถอนฟัน
    • อุดฟัน
    • รากฟันเทียม
    • ครอบฟัน
    • วีเนียร์
    • ขูดหินปูน
    • ดูแลช่องปาก