ปัญหาฟันยื่น ฟันซ้อนฟันเก ฟันไม่สบกัน นับเป็นปัญหากวนใจใครหลายคน เพราะนอกจากจะลำบากต่อการบดเคี้ยวอาหารแล้ว ยังทำความสะอาดเศษอาหารที่ติดตามซอกฟันยาก หรืออาจส่งผลต่อการออกเสียงพยัญชนะบางตัว ทำให้พูดไม่ชัด รวมถึงฟันที่ยื่นออกมาหรือเรียงซ้อนกัน อาจลดความมั่นใจทุกครั้งเวลายิ้ม หากปล่อยปะละเลยปัญหาเหล่านี้ อาจส่งผลต่อปัญหาช่องปากในระยะยาวได้อีกด้วย ดังนั้นการจัดฟันจึงเป็นวิธีการรักษาปัญหาดังกล่าวได้อย่างตอบโจทย์ที่สุด ซึ่งในปัจจุบันมีเครื่องมือทันตกรรมและวิธีการรักษามากมาย ตามปัญหาฟันแต่ละประเภท 

บริการจัดฟันปรับรูปหน้า จาก TOOTH LUCK DENTAL CLINIC

บริการจัดฟันและโครงสร้างฟัน เทคนิคเฉพาะ TOOTH LUCK DENTAL CLINIC

การจัดฟัน (Orthodontics) คืออะไร

การจัดฟัน (Orthodontics) เป็นวิธีการรักษาปัญหาฟันที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ฟันเก ฟันซ้อน ฟันหน้ายื่น และปัญหาฟันที่เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การเคี้ยวข้าวข้างเดียว การนอนกัดฟัน หรือแม้แต่อุบัติเหตุที่ทำให้ฟันถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนฟันหัก ต้องถอนออก ส่งผลให้มีช่องว่างระหว่างฟันมากเกินไป ฟันรอบข้างฟันที่ถูกถอนออกจึงเคลื่อนตัวและล้มเอียง ไม่เป็นระเบียบ โดยทันตแพทย์จะวินิจฉัยและใช้เครื่องมือทันตกรรมประเภทต่าง ๆ ตามลักษณะปัญหาฟันของแต่ละคน การจัดฟันจะช่วยให้การเรียงตัวของฟันเป็นระเบียบ การสบฟันเป็นปกติ ส่งผลให้การบดเคี้ยวอาหารมีประสิทธิภาพและช่วยให้ทำความสะอาดช่องปากง่ายขึ้น จึงช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาฟันที่อาจส่งผลให้ไม่สามารถใช้งานฟันได้ในอนาคต เช่น เหงือกร่น เหงือกอักเสบ ฟันผุ ฯลฯ

ปัญหาฟันที่เหมาะกับการจัดฟัน

ฟันที่ควรพิจารณาจัดฟันมีหลายลักษณะค่ะ ซึ่งหมอมักแนะนำให้จัดฟันในกรณีต่อไปนี้นะคะ

  • ฟันบนหรือฟันล่างยื่นออกมาด้านหน้ามากเกินไป
  • ฟันห่าง เป็นลักษณะฟันที่ขึ้นไม่เต็มที่หรือมีช่องว่างระหว่างฟันเห็นได้ชัดเจน
  • ฟันซ้อน เป็นลักษณะฟันขึ้นมาซ้อนและเกทับกัน
  • ฟันสบลึก เป็นลักษณะฟันหน้าบนคร่อมปิดฟันหน้าล่าง
  • ฟันสบเบี้ยว เป็นลักษณะฟันล่าง
  • ฟันสบเปิด เป็นลักษณะฟันที่สบกันแล้วมีช่องว่างระหว่างฟันบนและฟันล่าง

นอกจากนี้ ปัญหาเกี่ยวกับขากรรไกรก็เป็นอีกกรณีที่ควรพิจารณาจัดฟัน เช่น ขากรรไกรยื่น ขากรรไกรร่น หรือการสบฟันที่ไม่สมดุลทำให้กล้ามเนื้อขากรรไกรทำงานหนักเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่อาการปวดข้อต่อขากรรไกรได้ค่ะ ในบางกรณี การจัดฟันยังช่วยแก้ไขปัญหานิสัยการใช้ปากที่ไม่ถูกต้อง เช่น การดูดนิ้ว การใช้ลิ้นดันฟัน หรือการหายใจทางปากด้วยค่ะ

หมอแนะนำให้มาปรึกษาทันตแพทย์จัดฟันเพื่อประเมินว่าลักษณะฟันของคุณควรได้รับการจัดฟันหรือไม่นะคะ ทันตแพทย์จะตรวจประเมินโดยละเอียดและแนะนำแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณค่ะ

จัดฟันมีกี่แบบ ?และมีอะไรบ้าง ?

ในปัจจุบันมีการจัดฟันทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่ จัดฟันแบบโลหะ, จัดฟันแบบเซรามิก, จัดฟันแบบดามอน และจัดฟันแบบใส โดยแต่ละแบบจะมีข้อดี-ข้อเสีย และราคาแตกต่างกันไป ดังนี้ …. 

1.จัดฟันแบบโลหะหรือจัดฟันเหล็ก (Metal)

เป็นวิธีจัดฟันที่เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น เนื่องจากสามารถเลือกสีของยางจัดฟัน หรือโอริง (O-ring) ได้ตามใจชอบ โดยแพทย์จะติดเครื่องมือจัดฟันแบบโลหะไว้บริเวณผิวด้านหน้าฟัน จากนั้นจึงใส่ลวดผ่านร่องแบร็กเก็ต (Bracket) แล้วใช้ยางโอริงรัดเครื่องมือจัดฟันติดเข้ากับลวดจัดฟัน ข้อดีของการจัดฟันประเภทนี้คือราคาถูกกว่าการจัดฟันประเภทอื่น และมีคราบติดยากกว่าวัสดุจัดฟันประเภทอื่น ทั้งนี้การจัดฟันแบบโลหะเหมาะสำหรับผู้ที่สะดวกเข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำ เนื่องจากต้องปรับเครื่องมือและโอริงทุกเดือน โดยทั่วไปจะใช้เวลารักษาประมาณ 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับคนไข้แต่ละราย

2.จัดฟันเซรามิก (Ceramic)

เป็นวิธีจัดฟันโดยใช้เซรามิกสีเหมือนฟันติดไว้บริเวณผิวด้านหน้าฟัน แล้วใส่ลวดผ่านร่องแบร็กเก็ต (Bracket) และใช้ยางโอริงรัดเครื่องมือจัดฟันติดเข้ากับลวดจัดฟัน ข้อดีของการจัดฟันเซรามิกจะช่วยลดเศษอาหารติดฟันและป้องกันอาการเสียวฟันจากการจัดฟันได้มากกว่าการจัดฟันแบบโลหะ ด้วยความที่มีสีใกล้เคียงกับฟันจึงไม่เป็นจุดเด่นขณะยิ้ม อีกทั้งเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้เหล็กจัดฟันแบบโลหะอีกด้วย แต่ทั้งนี้การจัดฟันเซรามิกไม่สามารถถอดออกเองได้ จึงควรพบทันตแพทย์เป็นประจำเพื่อปรับเครื่องมือตามแนวทางการรักษาของแพทย์ โดยทั่วไปจะใช้เวลารักษาประมาณ 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับคนไข้แต่ละราย

จัดฟัน Tooth Luck dental clinic - ทำฟัน จัดฟัน ขอนแก่น
จัดฟัน Tooth Luck dental clinic - ทำฟัน จัดฟัน ขอนแก่น

3.จัดฟันแบบ AOSC และจัดฟันแบบดามอน (Damon)

การจัดฟันแบบ AOSC และจัดฟันแบบดามอน (Damon) เป็นเทคนิคการจัดฟันที่ทันสมัยที่มีความแตกต่างกัน ดังนี้

เป็นการจัดฟันที่มีขั้นตอนเหมือนการจัดฟันโลหะ เพียงแต่รูปทรงยางรัดลวดจัดฟันมีสองชั้นซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับการรัดยางจัดฟันแบบ 2 ชั้น ช่วยให้การเคลื่อนตัวของฟันมีความนุ่มนวล รวดเร็ว และเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นจุดเด่นของการจัดฟันประเภทนี้ ข้อดีของการจัดฟันแบบ AOSC จะเหมาะสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาการสบฟัน เช่น ฟันซ้อน ฟันสบไขว้ มีฟันล่างยื่นมาก รวมถึงคนไข้ที่ไม่ต้องการถอนฟันในบางเคส นอกจากนี้คนไข้ยังสามารถเลือกสียางใส่อุปกรณ์ได้ถึง 2 สีด้วยค่ะ

 

ข้อดีของการจัดฟันแบบ AOSC

  • เหมาะสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาการสบฟันซับซ้อน เช่น ฟันซ้อนมาก ฟันสบไขว้ หรือฟันล่างยื่นค่ะ
  • ในบางกรณีสามารถหลีกเลี่ยงการถอนฟันได้ค่ะ
  • คนไข้สามารถเลือกสียางใส่อุปกรณ์ได้ถึง 2 สี ตามความชอบค่ะ
  • ให้ผลการรักษาที่ดีในกรณีปัญหาซับซ้อนค่ะ

ทันตแพทย์จะติดเครื่องมือดามอน (Damon) ลงบนผิวด้านหน้าฟันด้วยเทคนิคดามอนที่ผสมกันระหว่าง Hi-tech light-force archwires และ Self-Ligating Brackets ช่วยให้ฟันเคลื่อนตัวไวได้อย่างแรงไม่มาก ไม่รู้สึกเจ็บเหมือนฟันส่วนใหญ่เป็นแบบโลหะทั่วไปไม่ต้องถอนฟันหลายซี่เพื่อจัดฟันที่สำคัญและที่สำคัญยางรัดเพื่อบังคับทิศทางของฟัน สำหรับฟันแบบดามอนมี 2 แบบ ได้แก่ ฟันดามอนคิว (Damon Q) เป็นแบร็กเก็ตสีโลหะและโลหะฟันดามอนเคลียร์ (Damon Clear) เป็นแบร็กเก็ตสีใกล้เคียงกับสีฟัน

 

ข้อดีของการจัดฟันแบบดามอน

  • ใช้แรงในการเคลื่อนฟันน้อยกว่า ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดน้อยกว่าค่ะ
  • ไม่จำเป็นต้องใช้ยางรัดลวดจัดฟัน ทำให้ลดความไม่สบายขณะจัดฟันค่ะ
  • มักไม่จำเป็นต้องถอนฟันหลายซี่เพื่อการจัดฟันค่ะ
  • มี 2 แบบให้เลือก คือ ดามอนคิว (Damon Q) เป็นแบร็กเก็ตสีโลหะ และ ดามอนเคลียร์ (Damon Clear) เป็นแบร็กเก็ตที่มีสีใกล้เคียงกับสีฟันธรรมชาติค่ะ
Invisalign

4.จัดฟันใส (Invisalign)

การจัดฟันใส (Invisalign) เป็นวิธีจัดฟันโดยใช้เครื่องมือโปร่งใสซึ่งเป็นแผ่นโพลีเมอร์ขนาดบางครอบลงไปบริเวณผิวด้านหน้าฟัน โดยทันตแพทย์จะถ่ายรูปและเอกซเรย์ช่องปากเพื่อพิมพ์แบบฟันและส่งให้แล็บผลิตชุดจัดฟัน จากนั้นจึงนัดคนไข้มาแนะนำวิธีใส่เครื่องมือ แม้ว่าเครื่องมือจัดฟันชนิดนี้จะสามารถถอดได้ แต่คนไข้ควรใส่อย่างน้อย 20-22 ชั่วโมงและต้องเปลี่ยนชุดเครื่องมือเป็นประจำทุก 2 สัปดาห์ ส่วนข้อดีของการจัดฟันใสนั้นมีมากมาย เนื่องจากเป็นการจัดฟันที่คนไข้สามารถดูแลเครื่องมือได้ด้วยตัวเอง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเข้าพบทันตแพทย์ได้ตลอดเวลา และด้วยความที่สีของเครื่องมือมีความใสคล้ายสีฟันจริง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการให้ใครเห็นเครื่องมือจัดฟัน แต่การจัดฟันประเภทนี้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงกว่าการจัดฟันประเภทอื่น

จัดฟันแบบไหนดี

การเลือกวิธีจัดฟันที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยค่ะ ทั้งสภาพฟัน งบประมาณ และความต้องการส่วนตัวของคุณค่ะ

จัดฟันแบบโลหะเป็นทางเลือกที่มีราคาประหยัดที่สุดและให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพค่ะ เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัดแต่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีค่ะ ส่วนจัดฟันแบบดามอนถือเป็นการพัฒนาต่อยอดจากระบบดั้งเดิม ช่วยลดความเจ็บปวดขณะจัดฟันได้มาก เนื่องจากใช้แรงดึงน้อยกว่า และยังช่วยลดระยะเวลาในการรักษาให้สั้นลงค่ะ ต้องใช้งบประมาณสูงขึ้น แต่คุ้มค่าหากคุณกังวลเรื่องความเจ็บปวดค่ะ

สำหรับผู้ที่คำนึงถึงความสวยงามระหว่างการรักษา การจัดฟันเซรามิกเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ เนื่องจากมีสีคล้ายฟันธรรมชาติ ไม่เห็นชัดเมื่อพูดคุยหรือยิ้ม และไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้เหมือนการจัดฟันแบบเหล็กค่ะ ด้านการจัดฟันแบบใสเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสวยงามสูงสุดระหว่างการรักษาค่ะ เนื่องจากแทบไม่สามารถสังเกตเห็นได้ ไม่ก่อให้เกิดแผลในช่องปาก และถอดทำความสะอาดได้ง่าย แต่มีราคาสูงและอาจไม่เหมาะกับทุกกรณีค่ะ

หมอแนะนำให้มาปรึกษาและตรวจประเมินสภาพฟันก่อนตัดสินใจเลือกวิธีจัดฟันนะคะ เพราะแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกัน ทันตแพทย์จะสามารถแนะนำวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับกรณีของคุณโดยเฉพาะค่ะ การจัดฟันไม่ใช่การรักษาแบบเดียวที่เหมาะกับทุกคน จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง ทั้งลักษณะฟัน การสบฟัน รูปร่างของขากรรไกร รวมถึงความต้องการและข้อจำกัดของคนไข้แต่ละรายค่ะ

ที่คลินิก Tooth Luck dental clinic มีบริการตรวจวินิจฉัยเบื้องต้นและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดฟันโดยไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ คุณสามารถนัดเวลาเพื่อมาพบทันตแพทย์จัดฟันของเราได้เลยนะคะ

จัดฟันเด็กได้ตั้งแต่ตอนอายุเท่าไหร่?

โดยทั่วไป การจัดฟันเด็กสามารถเริ่มได้ตั้งแต่อายุประมาณ 7-8 ปีค่ะ ซึ่งเป็นช่วงที่ฟันแท้เริ่มขึ้นและมีการเปลี่ยนแปลงของขากรรไกรค่ะ

การจัดฟันในเด็กแบ่งได้เป็น 2 ระยะค่ะ:

  • ระยะที่ 1: การจัดฟันเพื่อปรับโครงสร้าง (อายุ 7-10 ปี) ในระยะนี้ ทันตแพทย์จัดฟันจะเน้นการแก้ไขปัญหาโครงสร้างขากรรไกรและการสบฟันที่ผิดปกติค่ะ เช่น การใช้เครื่องมือขยายขากรรไกร การแก้ไขฟันหน้าที่ยื่น หรือการแก้ไขการสบฟันแบบไขว้ค่ะ การจัดฟันในระยะนี้จะช่วยให้ฟันแท้ที่กำลังจะขึ้นมีพื้นที่เพียงพอและขึ้นในตำแหน่งที่เหมาะสมค่ะ
  • ระยะที่ 2: การจัดฟันแบบเต็มรูปแบบ (อายุ 11-13 ปีขึ้นไป) เมื่อฟันแท้ขึ้นครบหรือเกือบครบแล้ว ทันตแพทย์จะติดเครื่องมือจัดฟันแบบเต็มรูปแบบเพื่อจัดฟันให้เรียงสวยงามค่ะ

การพาเด็กมาตรวจฟันตั้งแต่อายุ 7 ปีจะช่วยให้ทันตแพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมค่ะ ในบางกรณี อาจยังไม่จำเป็นต้องเริ่มการรักษาทันที แต่อาจเป็นการติดตามการเจริญเติบโตและรอจนกว่าจะถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมค่ะ

หมอแนะนำให้พาลูกมาปรึกษาทันตแพทย์จัดฟันเพื่อประเมินว่าลูกของคุณควรเริ่มการจัดฟันเมื่อใด และการรักษาแบบใดที่เหมาะสมที่สุดนะคะ

จัดฟันเร็วสุดกี่ปี

โดยทั่วไปแล้ว ระยะเวลาเฉลี่ยในการจัดฟันมักอยู่ที่ประมาณ 18-24 เดือน (1.5-2 ปี) ค่ะ แต่ถ้าถามว่าที่เร็วที่สุดอยู่ที่ประมาณ 6-12 เดือน แต่ว่าคนไข้ไม่สามารถเร่งให้หมอจัดฟันให้เข้าที่เร็ว ๆ ได้นะคะ เพราะว่าระยะเวลาของการจัดฟันขึ้นอยู่หลายปัจจัย เช่น 

  • ความซับซ้อนของปัญหาฟันและการสบฟันค่ะ 
  • อายุของคนไข้ (เด็กจะใช้เวลาน้อยกว่าผู้ใหญ่เนื่องจากกระดูกยังอ่อนกว่า) ค่ะ
  • ชนิดของเครื่องมือจัดฟันที่ใช้ค่ะ
  • การปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ค่ะ
  • ความร่วมมือในการใส่ยางหรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆ ค่ะ

สำหรับคนที่อยากร่นระยะเวลาการจัดฟันให้เข้าที่เร็วขึ้น แนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด หรือจะเลือกเทคโนโลยีการจัดฟันที่ช่วยลดระยะเวลาการรักษาให้เร็วขึ้นได้ เช่น จัดฟันแบบดามอน (Damon) ก้จะช่วยให้ฟันเข้าที่เร็วขึ้น

บริการจัดฟัน toothluck dental clinic

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ "จัดฟัน"

ใช่ค่ะ ก่อนเริ่มการจัดฟัน คุณจำเป็นต้องเคลียร์ช่องปากให้เรียบร้อยก่อนค่ะ เนื่องจากการจัดฟันต้องอาศัยสภาพเหงือกและฟันที่แข็งแรง ไม่มีปัญหาโรคในช่องปากค่ะ

การเคลียร์ช่องปากก่อนจัดฟันมักประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้ค่ะ:

  • การขูดหินปูนและทำความสะอาดฟันอย่างละเอียดค่ะ
  • การอุดฟันที่ผุหรือมีรูค่ะ
  • การรักษารากฟันหากมีฟันที่มีปัญหาโพรงประสาทฟันค่ะ
  • การถอนฟันที่มีปัญหาไม่สามารถเก็บไว้ได้ หรือการถอนฟันบางซี่ตามแผนการจัดฟัน (ในบางกรณี) ค่ะ
  • การรักษาเหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์หากมีค่ะ

เมื่อช่องปากสะอาดและมีสุขภาพดีแล้ว ทันตแพทย์จึงจะเริ่มติดเครื่องมือจัดฟันให้ค่ะ การจัดฟันโดยไม่เคลียร์ช่องปากก่อนอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพช่องปากที่รุนแรงขึ้นระหว่างการจัดฟัน เช่น ฟันผุลุกลาม เหงือกอักเสบรุนแรง หรือแม้แต่การสูญเสียฟันในที่สุดค่ะ

หมอแนะนำให้มาตรวจสุขภาพช่องปากเพื่อประเมินว่าต้องทำอะไรบ้างก่อนเริ่มจัดฟันค่ะ ในบางรายอาจใช้เวลาเพียง 1-2 สัปดาห์ในการเคลียร์ช่องปาก แต่บางรายที่มีปัญหาซับซ้อนอาจต้องใช้เวลา 1-3 เดือนค่ะ

สำหรับอาการเจ็บขณะติดตั้งเครื่องมือจัดฟันนั้น ขึ้นอยู่กับคนไข้แต่ละคน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องจัดฟันเป็น ครั้งแรก เนื่องจากแรงของเครื่องมือที่ใช้ดันฟันไปกดหลอดเลือด เพื่อดันฟันให้เคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ทันตแพทย์วางแผนการรักษา แต่หากคนไข้รู้สึกว่าทนความเจ็บปวดไม่ไหวหลังจากการติดตั้งเครื่องมือจัดฟัน สามารถปรึกษาทันตแพทย์เพื่อปรับแรงดึงให้เหมาะสมค่ะ

สำหรับเด็กอายุ 12 ปี เป็นช่วงอายุที่เหมาะสมในการเริ่มจัดฟันค่ะ เนื่องจากเป็นช่วงที่ฟันแท้ส่วนใหญ่ขึ้นครบแล้ว แต่กระดูกขากรรไกรยังมีการเจริญเติบโต ทำให้สามารถปรับแต่งได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ค่ะ

ทางเลือกในการจัดฟันที่เหมาะสมสำหรับอายุ 12 ปี มีดังนี้ค่ะ:

จัดฟันโลหะแบบดั้งเดิม: เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงค่ะ เหมาะสำหรับเด็กวัยนี้ที่ยังอยู่ในช่วงเจริญเติบโต และมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมากค่ะ

จัดฟันเซรามิก: หากกังวลเรื่องความสวยงาม เครื่องมือจัดฟันเซรามิกมีสีคล้ายฟันธรรมชาติ แต่มีราคาสูงกว่าแบบโลหะค่ะ

จัดฟันแบบดามอน: ระบบนี้ช่วยลดความเจ็บปวดและลดระยะเวลาในการรักษา เหมาะสำหรับเด็กที่มีความกังวลเรื่องความเจ็บปวดค่ะ

สิ่งสำคัญมากๆ คือหมอแนะนำให้พาน้องมาตรวจประเมินกับทันตแพทย์จัดฟันก่อนนะคะ เพราะแต่ละคนมีปัญหาฟันและขากรรไกรที่แตกต่างกัน บางคนอาจต้องการการรักษาแบบพิเศษ หรือบางคนอาจยังไม่จำเป็นต้องจัดฟันทันทีค่ะ ทันตแพทย์จะประเมินและให้คำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดสำหรับน้องค่ะ

อาการปวดจากการจัดฟันแบ่งเป็น 2 แบบค่ะ อาการเจ็บขณะติดตั้งเครื่องมือจัดฟันนั้น ขึ้นอยู่กับคนไข้แต่ละคน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องจัดฟันเป็นครั้งแรก เนื่องจากแรงของเครื่องมือที่ใช้ดันฟันไปกดหลอดเลือด เพื่อดันฟันให้เคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ทันตแพทย์วางแผนการรักษา ทั้งนี้ทันตแพทย์จะทำการฉีดยาชาให้แก่คนไข้ก่อนการติดเครื่องมือเสมอ แต่หากคนไข้รู้สึกว่าทนความเจ็บปวดไม่ไหวหลังจากการติดตั้งเครื่องมือจัดฟันประมาณ 90-120 นาที แนะนำให้รีบแจ้งทันตแพทย์ทันที

หากเป็นอาการเจ็บหรือปวดฟันหลังการติดเครื่องมือจัดฟันมาจากแรงดันฟันที่ไปกดหลอดเลือดแดงและความรู้สึกไม่คุ้นชินที่มีเครื่องมือติดอยู่ในช่องปาก ส่วนมากอาการเจ็บปวดหลังการติดเครื่องมือจะทุเลาลงภายใน 3-5 วัน ทั้งนี้แนะนำให้ทายนาแก้ปวดบรรเทาอาการตามคำแนะนำของคุณหมอได้เลยค่ะ

Item content. Click the edit button to change this text.

แนะนำให้คนไข้ทานยาแก้ปวดอย่างพาราเซตามอล (Paracetamol) รวมถึงงดความเสี่ยงต่อการใช้งานฟันมากเกินไป ด้วยการรับประทานอาหารอ่อน นอกจากจะช่วยป้องกันอาการปวดฟันจากการใช้ฟันกัดอาหารที่แข็งเกินไปแล้ว ยังช่วยลดเศษอาหารติดตามเครื่องมือจัดฟันอีกด้วย

การถอนฟันเพื่อเพิ่มช่องว่างในฟันสามารถเคลื่อนที่ไปในตำแหน่งที่เหมาะสม แต่การถอนฟันนั้นไม่ได้เกิดกับคนไข้ทุกคน แล้วแต่โครงสร้างฟันและการพิจารณาแผนการรักษาของทันตแพทย์

การจัดฟันต้องถอนฟันกี่ซี่

การจัดฟันไม่จำเป็นต้องถอนฟันเสมอไปค่ะ จำนวนฟันที่ต้องถอนขึ้นอยู่กับสภาพฟันและขากรรไกรของคนไข้แต่ละรายค่ะ

โดยทั่วไป หากจำเป็นต้องถอนฟัน มักถอนประมาณ 2-4 ซี่ค่ะ (มักเป็นฟันกรามน้อยซี่ที่ 1 หรือ 2) แต่ในบางกรณีอาจถอนฟันมากกว่าหรือน้อยกว่านี้ได้ค่ะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาของฟันแต่ละคนค่ะ

กรณีที่มักต้องถอนฟันก่อนจัดฟัน: • ฟันซ้อนเกรุนแรง ทำให้ไม่มีพื้นที่เพียงพอในขากรรไกรค่ะ

  • ฟันยื่นมาก จำเป็นต้องดึงฟันกลับเข้าไปค่ะ
  • มีการสบฟันที่ผิดปกติมากค่ะ
  • ขนาดของฟันและขากรรไกรไม่สัมพันธ์กันค่ะ

ปัจจุบันเทคโนโลยีการจัดฟันมีความก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้หลายกรณีสามารถจัดฟันโดยไม่ต้องถอนฟันได้ค่ะ เช่น การใช้เครื่องมือขยายขากรรไกร การกรอฟันเพื่อเพิ่มพื้นที่ หรือการใช้ระบบการจัดฟันแบบพิเศษ เช่น ระบบดามอนค่ะ

หมอแนะนำให้มาปรึกษาและตรวจประเมินสภาพฟันก่อนค่ะ ทันตแพทย์จัดฟันจะวิเคราะห์ภาพถ่ายรังสี แบบจำลองฟัน และสภาพการสบฟัน เพื่อพิจารณาว่าจำเป็นต้องถอนฟันหรือไม่ และถ้าจำเป็น ควรถอนกี่ซี่และซี่ใดค่ะ

ไม่จำเป็นต้องผ่าฟันคุดก่อนจัดฟันในทุกกรณีค่ะ การตัดสินใจว่าต้องผ่าฟันคุดหรือไม่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยนะคะ ในกรณีที่มักจำเป็นต้องผ่าฟันคุดก่อนจัดฟัน

  • ฟันคุดมีตำแหน่งที่อาจขัดขวางการเคลื่อนที่ของฟันระหว่างการจัดฟันค่ะ
  • ฟันคุดมีแนวโน้มจะดันฟันข้างเคียงให้เกิดฟันซ้อนในอนาคตค่ะ
  • ฟันคุดอยู่ในตำแหน่งผิดปกติที่อาจก่อให้เกิดปัญหาในอนาคต เช่น ถุงน้ำ การอักเสบ หรือทำลายรากฟันข้างเคียงค่ะ

ในกรณีที่อาจไม่จำเป็นต้องผ่าฟันคุด

  • ฟันคุดอยู่ในตำแหน่งที่ไม่รบกวนการจัดฟันค่ะ
  • ฟันคุดขึ้นในแนวปกติและมีพื้นที่เพียงพอค่ะ
  • ฟันคุดฝังลึกมากและไม่มีอาการใดๆ ซึ่งการผ่าอาจมีความเสี่ยงมากกว่าประโยชน์ที่ได้รับค่ะ

ทันตแพทย์จะประเมินตำแหน่งและสภาพของฟันคุดจากภาพเอกซเรย์ (x-ray) ก่อนตัดสินใจว่าควรผ่าฟันคุดหรือไม่ค่ะ หมอแนะนำให้มาปรึกษาและตรวจประเมินสภาพฟันและฟันคุดก่อนเริ่มการจัดฟันนะคะ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและครบถ้วนค่ะ

การจัดฟันที่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องโดยทันตแพทย์จัดฟันที่มีความเชี่ยวชาญไม่ได้มีผลเสียในระยะยาวหรือเมื่อสูงอายุค่ะ ในทางตรงกันข้าม การจัดฟันที่เหมาะสมมักส่งผลดีต่อสุขภาพช่องปากในระยะยาวค่ะ

อย่างไรก็ตาม มีบางประเด็นที่หมอควรชี้แจงเกี่ยวกับความเข้าใจผิดเรื่องการจัดฟันและผลกระทบในวัยสูงอายุค่ะ:

• การจัดฟันไม่ได้ทำให้ฟันอ่อนแอลงเมื่อแก่ตัวค่ะ ฟันที่ผ่านการจัดยังคงแข็งแรงเหมือนฟันปกติหากได้รับการดูแลที่ดีค่ะ

• หลังจัดฟันเสร็จ จำเป็นต้องใส่รีเทนเนอร์ (เครื่องมือคงสภาพฟัน) ตามที่ทันตแพทย์แนะนำค่ะ หากไม่ปฏิบัติตาม ฟันอาจกลับมาซ้อนอีกได้ แต่นี่ไม่ใช่ผลเสียจากการจัดฟัน แต่เป็นผลจากการไม่ใส่รีเทนเนอร์ค่ะ

• บางคนกังวลว่าการจัดฟันจะทำให้รากฟันสั้นลง (root resorption) ซึ่งอาจส่งผลต่อความแข็งแรงของฟันในวัยสูงอายุค่ะ ในความเป็นจริง ปัญหานี้พบได้น้อยมากและมักไม่รุนแรงพอที่จะส่งผลต่อการใช้งานของฟันค่ะ

• การจัดฟันที่ถูกต้องจะช่วยให้ฟันเรียงตัวดีขึ้น ทำความสะอาดง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเหงือกและฟันในวัยสูงอายุค่ะ

• การจัดฟันยังช่วยปรับการสบฟันให้เหมาะสม ลดการสึกของฟันที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นประโยชน์ในระยะยาวค่ะ

หมอแนะนำให้มาตรวจสุขภาพช่องปากและปรึกษาทันตแพทย์จัดฟันที่มีประสบการณ์ก่อนตัดสินใจจัดฟันนะคะ และหลังจัดฟันเสร็จ ควรรักษาสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอและปฏิบัติตามคำแนะนำในการใส่รีเทนเนอร์ค่ะ

จัดฟันแล้วหน้าเรียวขึ้นจริงหรือไม่

การจัดฟันสามารถส่งผลให้ใบหน้าเรียวขึ้นได้ในบางกรณีค่ะ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ผลลัพธ์แบบนี้นะคะ ผลกระทบต่อรูปหน้าขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างค่ะ

ในกรณีที่การจัดฟันอาจทำให้ใบหน้าเรียวขึ้น: • คนไข้ที่มีฟันหน้ายื่น (overjet มาก) เมื่อจัดฟันให้ฟันหน้าเข้าที่ ริมฝีปากจะเข้าที่มากขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นค่ะ • คนไข้ที่มีขากรรไกรล่างถอยหลัง เมื่อได้รับการแก้ไขด้วยการจัดฟัน อาจทำให้โครงหน้าสมดุลขึ้นและดูเรียวขึ้นค่ะ • การจัดฟันที่มีการถอนฟันกรามน้อยในบางกรณี อาจทำให้กล้ามเนื้อแก้มเข้าที่มากขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นค่ะ

อย่างไรก็ตาม หมอขอเรียนให้ทราบว่า: • การจัดฟันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์หลักในการทำให้หน้าเรียวค่ะ แต่เพื่อแก้ไขการเรียงตัวของฟันและการสบฟันค่ะ • โครงสร้างใบหน้ามีผลมาจากพันธุกรรมและโครงสร้างกระดูกเป็นหลัก ซึ่งการจัดฟันอย่างเดียวอาจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้มากนักค่ะ • น้ำหนักตัวและไขมันบริเวณใบหน้าก็มีผลต่อความเรียวของใบหน้าค่ะ

หมอแนะนำให้ปรึกษาทันตแพทย์จัดฟันเพื่อประเมินกรณีเฉพาะของคุณนะคะ ทันตแพทย์สามารถวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าและคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นจากการจัดฟันได้โดยคร่าว ๆ ค่ะ