สำหรับใครก็ตามที่มีปัญหาฟันและทันตแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าจะต้องจัดฟันแก้ปัญหา แต่ก็ยังลังเล ไม่แน่ใจว่าการจัดฟันแบบใส กับแบบเหล็ก แบบไหนดีกว่า แล้วแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร มีวิธีดูแลตัวเองหลังการปรับเครื่องมือและหลังจากจัดฟันเสร็จแล้วยังไงดี วันนี้หมอณัฐจะมาอธิบายให้ฟังค่ะ
จัดฟันแบบใส กับแบบเหล็ก แตกต่างกันอย่างไร
1. ราคาที่แตกต่างกัน
สำหรับราคาของการจัดฟันเหล็กหรือจัดฟันโลหะจะเริ่มต้นที่หลักสามหมื่นปลาย ๆ ไปจนถึงเกือบห้าหมื่น เนื่องจากวัสดุที่ใช้สามารถผลิตออกมาหลาย ๆ ชิ้น เป็นของที่ไม่ได้มีราคาสูงมาก จึงทำให้ราคาของการจัดฟันโลหะถูกกว่าการจัดฟันประเภทอื่น ส่วนราคาของการจัดฟันใสจะเริ่มต้นที่หกหมื่นปลาย ๆ ไปจนถึงหลักแสนได้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากเทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดฟันใสมีความทันสมัยและเหมาะกับคนไข้รายนั้นโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Scanner สำหรับสแกนฟันของคนไข้, โปรแกรม Clincheck สำหรับทำแผนการรักษาเป็นภาพ 3 มิติ, Tray Invisalign หรือตัวเครื่องมือจัดฟันใสที่ผลิตจากพลาสติกคุณภาพสูงโดยใช้ระบบดิจิตอล ฯลฯ และด้วยความที่ราคาเครื่องมือจัดฟันใสที่ค่อนข้างสูง จึงทำให้โรงพยาบาลหรือคลินิกมีบริการผ่อนชำระไว้ให้แก่คนไข้เดือนละหลักพันปลาย ๆ ไปจนถึงหลักหมื่นขึ้นไป สำหรับบริการรากฟันเทียมจาก Tooth Luck Dental Clinic มีเรทราคาค่าบริการ Invisalign go เริ่มต้นที่ 69,000 บาทค่ะ ดังนั้นหากคนไข้สนใจจะจัดฟันใสก็สามารถปรึกษาหรือขอข้อมูลเพิ่มเติมกับคลินิกที่คุณสนใจเพื่อประกอบการตัดสินใจได้เลยค่ะ
2. ระยะเวลาการรักษา
เนื่องจากตัวเครื่องมือจัดฟันใสถูกออกแบบมาสำหรับคนไข้รายนั้นโดยเฉพาะ ตัวเครื่องมือประกอบไปด้วยตัวเครื่องมือและ Attachment หรือปุ่มที่ติดวัสดุบนผิวฟันที่ช่วยกำหนดทิศทางการเคลื่อนที่ของฟันของคนไข้ให้ไวกว่าการจัดฟันเหล็ก อีกทั้งได้รับการออกแบบจากทันตแพทย์ จึงช่วยย่นระยะเวลาในการรักษาให้น้อยลง สำหรับระยะเวลาในการจัดฟันใสจะอยู่ที่ 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับปัญหาฟันของคนไข้รายนั้น แต่หากคุณจัดฟันเหล็กจะต้องใช้เวลาในการจัดฟันอยู่ที่ประมาณ 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของคนไข้ค่ะ
3. การเข้าพบทันตแพทย์
หากคุณจัดฟันเหล็กจะต้องเข้ามาเปลี่ยนยางโอริงเป็นประจำทุกเดือนเดือนละ 1 ครั้ง เพราะตัวยางโอริงอยู่ในช่องปากเราตลอด 24 ชั่วโมง และมีอายุการใช้งานประมาณหนึ่ง จึงมีอายุการใช้งานเต็มที่ประมาณ 1 เดือน หากคนไข้ไม่เข้ามาเปลี่ยนทุกเดือนก็จะทำให้ยางโอริงทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพและตัวยางมีแบคทีเรียสะสมอยู่ ก็อาจเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพอย่างฟันผุหรือเหงือกอักเสบตามมาระหว่างจัดฟันได้ด้วยค่ะ ส่วนการจัดฟันใสนั้นไม่จำเป็นต้องเข้าพบทันตแพทย์ทุกเดือน แต่จะเข้าพบทุก ๆ 6-8 สัปดาห์ จึงเหมาะสำหรับคนไข้ที่ต้องทำงานต่างประเทศหรือผู้ที่ทำงานไม่อยู่กับที่ค่ะ
4. ความเหมาะสม
การจัดฟันเหล็กอาจไม่ตอบโจทย์สำหรับคนไข้บางกลุ่มเพราะตัวเครื่องมือประกอบไปด้วยยางโอริงที่มีสีสันต่าง ๆ ที่อาจเป็นจุดเด่นเวลายิ้มหรือพูดคุย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำงานที่ต้องพบปะผู้คนบ่อย ๆ และผู้ที่ไม่ต้องการให้คนอื่นเครื่องมือจัดฟัน เช่น นักแสดง พิธีกร หรือแม้แต่ผู้ที่ทำงานที่ต้องพบปะกับผู้ใหญ่เป็นประจำ เพราะการเลือกสียางโอริงที่ฉูดฉาดเกินไปอาจไม่เหมาะสมสำหรับงานบางโอกาส การจัดฟันใสที่มีสีของตัวเครื่องมือที่ใสจนแทบมองไม่ออกเลยถือว่าตอบโจทย์มากกว่าค่ะ แต่หากคุณไม่จำเป็นต้องพบปะผู้ใหญ่, ออกงานสำคัญบ่อย ๆ หรือทำอาชีพอิสระ ก็สามารถจัดฟันเหล็กได้อย่างสบายใจหายห่วงเลยค่ะ
5. การดูแลเครื่องมือจัดฟัน
ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันเหล็กหรือการจัดฟันใสก็ตาม คนไข้จะต้องดูแลเอาใจใส่ในการดูแลเครื่องมือจัดฟันเหมือนกันค่ะ เพราะหากตัวเครื่องมือมีปัญหาก็อาจทำให้ผลลัพธ์การรักษาล่าช้าลง แถมเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพช่องปากอื่น ๆ ตามมาอีกด้วย สำหรับการดูแลเครื่องมือจัดฟันเหล็กจะต้องใช้เวลายาวนานกว่าปกติ เพราะจะต้องใช้ทั้งแปรงจัดฟัน ไหมขัดฟัน แปรงซอกฟัน ส่วนการดูแลเครื่องมือจัดฟันนั้นไม่ได้ยุ่งยากมากเหมือนการดูแลเครื่องมือจัดฟันเหล็ก เพียงแค่คนไข้ถอดเครื่องมือจัดฟันแล้วแปรงทำความสะอาดช่องปากเหมือนปกติ ส่วนเครื่องมือจัดฟันใสให้แช่กับเม็ดฟู่หรือน้ำผสมสบู่ทำความสะอาดฟันปลอมสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก็พอแล้วค่ะ
6. การจัดเก็บเครื่องมือจัดฟัน
เนื่องจากการจัดฟันเหล็กจะต้องติดเครื่องมือจัดฟันตลอดเวลาจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเครื่องมือจัดฟันหายเลย แต่หากคนไข้ใช้เครื่องมือจัดฟันใสแล้วล่ะก็ จะต้องระมัดระวังเกี่ยวกับตัวเครื่องมือสักนิดนึงนะคะ เพราะเครื่องมือจัดฟันชนิดนี้จะต้องถอดเครื่องมือจัดฟันออกเพียงแค่ช่วงรับประทานอาหารและแปรงฟันเท่านั้น จึงมีโอกาสที่คนไข้อาจจะเผลอวางทิ้งไว้ไม่เป็นที่เป็นทางมากขึ้น ดังนั้นหากคุณจะจัดฟันใสจริง ๆ ก็ควรเก็บเครื่องมือเอาไว้ในกล่องด้วยทุกครั้งนะคะ เพราะนอกจากจะป้องกันการสูญหายแล้วยังลดโอกาสที่จะเกิดรอยขีดข่วนของเครื่องมือจัดฟันอีกด้วยค่ะ
บทความที่น่าสนใจ
- จัดฟันโลหะดีไหม? ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนไปจัดฟัน
- ยางจัดฟันคืออะไร สำคัญกับการจัดฟันมากน้อยแค่ไหน
- ก่อนจัดฟัน หลังจัดฟัน แตกต่างกันไหม เตรียมตัวอย่างไรดี
จัดฟันที่ไหนดี ทำไมต้อง Toothluck Dental Clinic
หากคุณมีปัญหาช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นฟันซ้อนฟันเก ฟันห่าง ฟันสบผิดปกติ หรือกำลังมองหาคลินิกสำหรับดูแลฟัน เรา Tooth Luck Detal Clinic เป็นคลินิกทันตกรรมสำหรับเด็กและทุกคนในครอบครัว เรามีทีมทันตแพทย์พร้อมให้บริการทันตกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจัดฟัน ถอนฟัน ผ่าฟันคุด ฟอกสีฟัน ขูดหินปูน อุดฟัน รักษารากฟัน รากฟันเทียม วีเนียร์ ฟันปลอม และบริการทันตกรรมสำหรับเด็ก มาพร้อมเครื่องมือที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน และครบครัน ทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก ๆ และชาวจังหวัดขอนแก่นอย่างแท้จริง
รีวิวจัดฟันกับ Tooth Luck dental clinic คลินิกทำฟัน จัดฟัน ขอนแก่น
อุดฟันหน้าเจ็บมั้ย อยู่ได้นานแค่ไหน ดูแลอย่างไรให้ฟันแข็งแรง
แม้ว่าฟันจะขึ้นชื่อในเรื่องของความแข็งแรง หากดูแลสุขภาพช่องปากอย่างเหมาะสมก็อาจทำให้ฟันอยู่คู่กับช่องปากของเราไปได้ตลอดชีวิตเลยทีเดียว [...]
จัดฟันซ้อนเก มีเขี้ยว ใช้เวลานานไหม จัดฟันแบบไหนช่วยได้บ้าง
ฟันซ้อนเก มีเขี้ยว [...]
ปักหมุดจัดฟันคืออะไร เจ็บไหม เหมาะกับปัญหาฟันแบบไหน
จริงอยู่ที่การจัดฟันจะเน้นการใช้เครื่องมือจัดฟันเป็นหลัก แต่หากคนไข้มีปัญหาฟันเรียงตัวผิดปกติบางประเภทก็อาจจำเป็นต้องใช้หมุดจัดฟันเข้าร่วมด้วย [...]
รากฟันเทียมหลุด เกิดจากอะไร มีวิธีดูแลและป้องกันอย่างไร
แม้ว่าคุณจะเคยผ่านการทำรากฟันเทียมมาแล้ว แต่หากวันนึงรากฟันเทียมเกิดหลุดขึ้นมาก็อาจทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก [...]
ขี้ผึ้งจัดฟัน คืออะไร ทำไมคนจัดฟันต้องพกติดตัวไว้
เมื่อเริ่มจัดฟันแล้วคุณหมอจะให้ขี้ผึ้งจัดฟันเอาไว้ทาบนเครื่องมือจัดฟัน ว่าแต่ทำไมต้องเป็นขี้ผึ้งด้วย [...]
จัดฟันเหงือกบวม หายเองได้หรือไม่ แก้ยังไงดี
แม้ว่าการจัดฟันจะช่วยแก้ปัญหาฟันเรียงไม่เป็นระเบียบที่อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพฟันตามมาได้ แต่ในช่วงระหว่างการจัดฟันนั้นคนไข้อาจต้องรับมือกับความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นภายในปาก [...]